post

Tandem Skydiving กีฬาเอ็กซ์ตรีมที่ทำให้ใคร ๆ ก็ดิ่งพสุธาได้

มนุษย์มีความต้องการที่จะบินให้ได้เหมือนกับนกมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะด้วยความรักอิสระหรือความต้องการที่จะสัมผัสมุมมองในแบบที่นกเห็น ร่มชูชีพจึงถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้มนุษย์ล่องลอยอยู่กลางอากาศและตกลงสู่พื้นดินได้ช้าลงอย่างปลอดภัย แต่การจะเป็นนักดิ่งพสุธาได้นั้นต้องผ่านการฝึกฝนหลายขั้นตอน แถมยังต้องผ่านการสอบเพื่อให้ได้ใบอนุญาตอีกด้วย เพราะหากมีความผิดพลาดเกิดขึ้นระหว่างทำการกระโดดร่มนั่นอาจหมายถึงชีวิตเลยทีเดียว ดังนั้นจึงมีคนจำนวนน้อยนิดที่ได้รับประสบการณ์ Bird eye view กับตาตัวเอง จนกระทั่ง Tandem Skydiving ได้กลายมาเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการดิ่งพสุธาแบบเร่งรัด

Tandem Skydiving คือ การกระโดดร่มดิ่งพสุธาพร้อมกันระหว่างนักกระโดดร่มหน้าใหม่และนักกระโดดร่มครูฝึกผู้มากประสบการณ์ ถ้าคุณต้องการความตื่นเต้น VWIN ขอแนะนำกีฬานี้เลย โดยการเล่นจะใช้สายรัดล็อคตัวทั้งคู่ไว้ด้วยกันขณะทำการกระโดดจากความสูง 13,000 ฟิต หรือประมาณ 4,000 เมตร ซึ่งนักกระโดดร่มหน้าใหม่จะได้บินกลางอากาศอย่างอิสระพร้อมกับรับชมวิวแบบ 360 องศาในระหว่างที่นักกระโดดร่มครูฝึกควบคุมร่มชูชีพลงสู่พื้นดิน เดิมทีการกระโดดร่มแบบแทนดั้ม ถูกนำมาใช้เป็นการฝึกภาคปฏิบัติของนักกระโดดร่มรุ่นใหม่ ซึ่งครูฝึกจะคอยทำหน้าที่เฝ้าระวังในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น แต่ในปัจจุบันการกระโดดร่มแบบแทนดั้มได้กลายมาเป็นธุรกิจกีฬาให้กับผู้ที่ต้องการกระโดดร่มโดยไม่ต้องทำการฝึกฝนใด ๆ

การกระโดดร่มแบบแทนดั้ม สามารถเล่นได้ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป แต่ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 110 กิโลกรัม ผู้เล่นที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองเสียก่อน ส่วนผู้เล่นที่อายุมากกว่า 60 ปีต้องมีเอกสารทางการแพทย์รับรอง โดยมีข้อกำหนดสำหรับผู้เล่น ดังนี้

1. มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคที่เป็นอันตรายต่อการกระโดดร่ม เช่น โรคทางช่องหู หรือโรคระบบทางเดินหายใจ
2. ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการกระโดดร่ม และไม่ใช้สารเสพติดทุกชนิด
3. ไม่ผ่านการดำน้ำแบบสคูบ้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการกระโดดร่ม

หากผู้เล่นมีคุณสมบัติพร้อมสำหรับการกระโดดร่มแบบแทนดั้ม ครูฝึกจะทำการติดตั้งอุปกรณ์ในการกระโดดกับตัวผู้เล่นพร้อมทั้งชี้แจงข้อปฏิบัติตัวต่าง ๆ จากนั้นจะพานั่งเครื่องบินประมาณ 20 นาทีขึ้นไปที่ความสูง 13,000 ฟิต เมื่อถึงจุดกระโดดครูฝึกจะเกี่ยวสายรัดล็อคติดกับตัวผู้เล่นแล้วกระโดดออกจากเครื่องบิน โดยทั้งคู่จะดิ่งพสุธาไปด้วยกันที่ความเร็วประมาณ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง หลังจากนั้น 60 วินาที ครูฝึกจะกระตุกร่มชูชีพที่ระดับ 5,000 ฟิต ระหว่างนี้ผู้เล่นจะได้รับชมความสวยงามของวิวรอบตัวประมาณ 5 นาทีจึงลงสู่พื้นดิน เมื่อทำการกระโดดร่มเสร็จแล้วผู้เล่นจะได้ใบรับรองเป็นเครื่องยืนยันถึงความกล้าท้าแรงดึงดูดของโลก โดยค่าใช้จ่ายในการกระโดดร่มแบบแทนดั้มนี้อยู่ที่ประมาณ 12,000 บาทต่อคน นอกจากนั้นผู้เล่นยังเลือกเก็บภาพความประทับใจระหว่างการกระโดดผ่านกล้อง GoPro ติดข้อมือของครูฝึก หรือเลือกให้มีตากล้องกระโดดลงมาพร้อมกันเพื่อบันทึกวีดีโอเอาไว้ตลอดการเดินทางก็ได้ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ 2,000 – 5,000 บาท

แม้การกระโดดร่มแบบแทนดั้มดูจะเป็นกีฬาที่มีความอันตรายสูง แต่ด้วยระบบความปลอดภัยของอุปกรณ์ รวมถึงประสบการณ์โชกโชนของครูฝึก หากผู้เล่นปฏิบัติตามคำแนะนำในการกระโดดร่มอย่างเคร่งครัดก็ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล แล้วการกระโดดร่มเสี่ยงตายจะเป็นหนึ่งในโมเมนต์ที่คุณจะจดจำไปตลอดชีวิต

post

วันนี้ใคร ๆ ก็เล่นเซิร์ฟได้ ไม่ง้อคลื่นจากทะเล

ธุรกิจกีฬานี้เติบโตอย่างรวดเร็วในยุคนี้ หนุ่มสาว Gen Y รุ่นใหม่ต่างรักการออกกำลังกายและสรรหากิจกรรมใหม่ ๆ ทำอยู่เสมอ เทรนด์การออกกำลังกายจึงก้าวต่อไปตลอด โดยนักประดิษฐ์รุ่นใหม่ใช้เทคโนโลยีในการประดิษฐ์เครื่องเล่นต่าง ๆ ไม่เว้นแม้แต่กีฬาเอ็กซ์ตรีมทางน้ำอันเป็นที่นิยมอยู่ตลอดกาลอย่างเซิร์ฟบอร์ด

กีฬา Fliteboard eFoil เป็นกีฬาทางน้ำชนิดใหม่ที่เหมือนกับเสิร์ฟบอร์ด สโนวบอร์ดทุกอย่าง สามารถนำไคร์ทเซิร์ฟมาเล่นคู่กันก็ได้ แต่ที่ VWIN ยืนยันว่ามันเจ๋งกว่าคือ เจ้า Fliteboard eFoil ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนแบบ Hydro Foiling ที่ใช้เหมือนกับการเคลื่อนไหวของเรือหรือมองให้เห็นภาพคือติดใบพัดให้กับเซิร์ฟบอร์ดนั่นเอง และใบพัดที่ว่านั้นใช้พลังงานไฟฟ้าจากการใช้แบตเตอร์รี่ ซึ่งในการชาร์ตครั้งหนึ่งวิ่งได้เกือบ 30 กิโลเมตร และสามารถถอดแบตเตอร์รี่เปลี่ยนได้เลย สะดวกมาก Fliteboard eFoil เป็นที่นิยมอย่างมากในนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย

Fliteboard eFoil สามารถเคลื่อนไหวบนน้ำได้อย่างอิสระ ไม่มีเสียงรบกวนและรวดเร็วมากที่สุด 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนเมื่อไหร่ก็ตามและที่สำคัญคือ ไม่จำเป็นต้องมีคลื่น! ที่สำคัญพกพาง่าย การประกอบอุปกรณ์ ติดตั้งเครื่องมือไม่วุ่นวายซับซ้อน เล่นได้ทุกทีที่มีน้ำ ไม่ง้อคลื่น เชิดใส่คลื่นได้เลย Fliteboard eFoil คิดค้นและประยุกต์มาเรื่อย ๆ ไอเดียทั้งหลายช่วยพัฒนาให้เกิดการออกแบบดีไซน์ที่เน้นความเรียบง่ายและคล่องตัว แต่วัสดุที่ใช้ก็ยังคงความคงทนและง่ายต่อการใช้งาน ตัวเซิร์ฟบอร์ดนั้น ใช้วัสดุคุณภาพสูง อย่างไฟเบอร์คาร์บอน Innegra ที่เป็นวัสดุเดียวกับกับอุปกรณ์กันกระสุนและเป็นเจลที่แข็งตัวเมื่อได้รับการกระแทก และไม้เนื้อดีคุณภาพสูง จนกระทั่งได้รับรางวัลการออกแบบยอดเยี่ยมในปี 2019

Fliteboard eFoil ควบคุมโดยรีโมทคอนโทรล ไม่ว่าจะไปซ้ายหรือขวา ช้าหรือเร็ว รีโมทคอนโทรลนั้นบอกถึงปริมาณแบตเตอร์รี่อีกด้วย นอกจากนั้นรีโมทยังสามารถตั้ง GPS Bluetooth และยังเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันเพื่ออัพเดตระบบบนสมาร์ทโฟน ในขณะนี้มีหลายแบรนด์ที่ซื้อลิขสิทธ์ Fliteboard eFoil มาผลิตออกจำหน่าย ส่วนราคาอยู่ที่ประมาณ 10,995 USD หรือประมาณสามแสนกว่า ๆ

นับเป็นกีฬาฉีกกฎใหม่ เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ควรลิสท์ไว้ในกีฬาที่ต้องลอง เล่นง่าย ๆ สะดวก ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องสนคลื่นแล้ว ฉะนั้นแล้วปัญหาต่าง ๆ ในการเล่นเซิร์ฟบอร์ดก็จะเบาลงมากเลยทีเดียว หากประสบกับปัญหาอยากจะเล่นเซิร์ฟแต่หาคลื่นยากลำบากเหลือเกิน วันไหนฝนตกก็อด คลื่นลมแรงไปก็เสี่ยงไปอีก อยากจะฝึกเล่นทั้งทีก็ต้องออกไปเล่นไกลถึงทะเล แล้วยังต้องเลือกที่ที่มีลมและคลื่นด้วยนะ สิ่งเหล่านี้จะไม่เป็นอุปสรรคสำหรับความสนุกของคุณ คุณจะไปเที่ยวไม่เสียเที่ยว

post

ว่าวไทยกับลมหายใจอันแผ่วเบา เสน่ห์การละเล่นที่แพ้ทางกาลเวลา

ว่าว การละเล่นที่มีมาช้านาน และไม่ได้มีแค่ในไทยเราเท่านั้น หลาย ๆ ประเทศในเอเชียก็มีวัฒนธรรมการเล่นว่าวเหมือนกับไทยเรา แต่สำหรับ “ว่าวไทย” นั้น เป็นกิจกรรมที่อยู่คู่ครอบครัวไทยเลยก็ว่าได้ ในสมัยก่อนในช่วงฤดูร้อนของทุกปีในตอนนั้นน่านฟ้าของไทย และบริเวณสนามหลวงจะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยว่าวไทยนานาชนิด เราจะเห็นว่าวตัวเล็กตัวน้อยที่ลอยโต้ลมอยู่ตลอดเวลา และได้ยินเสียงเฮฮาจากเด็ก ๆ คุณพ่อและคุณลูกที่วิ่งเล่นให้ว่าวโต้ลมสู่ฟ้ากันอย่างครึกครื้นสนุกสนาน แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไป ดูเหมือนลมที่คอยโต้ว่าวไทยให้ลอยสู่ฟ้ากลับแผ่วเบาลง นั่นทำให้ลมหายใจของว่าวไทยก็ดูเหมือนจะริบหรี่ลงไปด้วยเช่นกัน

ว่าว คือ กีฬาไทยชนิดหนึ่ง

คนรุ่นใหม่อาจจะไม่ทราบว่า สิ่งที่เรียกว่าเป็นกีฬาไทยแท้ ๆ นั้นนอกจากมวยไทยแล้ว หมากรุกไทยแล้ว ก็ยังมีว่าวไทยอีกอย่างที่อยู่ในฐานะกีฬาพื้นบ้านไทย เพราะว่าวของแต่ละชาตินั้นจะมีเอกลักษณ์ในการสร้างสรรค์โครงสร้างตัวว่าวในแบบของตนเอง ซึ่งปักเป้า กับจุฬาก็ถือว่าเป็นตัวแทนว่าวไทยในการแสดงเอกลักษณ์ให้เห็นถึงความแตกต่างจากว่าวของชาติอื่น ๆ ในเอเชีย เมื่อสมัยก่อนว่าวไทยยังเป็นกีฬาที่มีการแข่งขันกัน และสถานที่แข่งขันที่ใช้กันนั้นก็คือสนามหลวง ไม่เพียงแต่จะแข่งกันในเรื่องของความสูงในการเล่นว่าว หรือดูว่าว่าวของใครลอยสูงที่สุดโต้ลมได้นานที่สุดเท่านั้น แต่ยังมีการแข่งขันประกวดความสวยงาม และการออกแบบตัวว่าวอีกด้วย

แต่ในปี 2553 ทางการได้มีการประกาศปิดสนามหลวงเพื่อปรับปรุงพื้นที่ ซึ่งการปรับปรุงสนามหลวงครั้งนี้กินระยะเวลาเป็นปี ซึ่งแน่นอนว่ากระทบกับการแข่งกีฬาว่าวไทยเป็นอย่างมาก บวกกับปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ทั้งเรื่องของการเมืองความสงบของบ้านเมือง เหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ส่งผลให้ว่าวไทยไม่ได้ไปต่อ การแข่งขัน การละเล่นต่าง ๆ ต้องงดไปโดยปริยาย และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของหายใจที่เริ่มแผ่วเบาของว่าวไทยในวันนี้

การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีก็ทำให้ว่าวไทยวิกฤต

การที่โลกเปลี่ยนแปลงเร็วเพราะเทคโนโลยีเข้ามาแทรกแซง ทำให้อะไรที่ดูเป็นเรื่องเก่า ๆ ไม่ทันสมัยกลายเป็นสิ่งที่ต้องถูกโละทิ้งให้เลือนหายไปในความทรงจำตามการเวลา และทุกสิ่งก็ต้องเป็นเช่นนั้นแบบไม่มีข้อยกเว้น ยกตัวอย่างง่าย ๆ ว่าวในฐานะกีฬาพื้นบ้านของไทย เมื่อไหร่ที่มีการจัดแข่ง ก็อาจจะมีการพนันขันต่อเล็ก ๆ ข้างสนาม เป็นการเดิมพันเพื่อความสนุกสนานไม่ได้หวังรวย แต่ปัจจุบันคนที่จะเล่นพนันกีฬาก็จะหันไปใช้บริการเว็บพนันออนไลน์ อย่างเว็บ VWIN ที่จัดเต็มเรื่องพนันกีฬาจากทั่วโลก จะพนันก็ง่าย แถมเรื่องจ่ายก็จริง นี่คือความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกที่เกิดขึ้นในวันนี้ เวลาเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน ใจคนก็เปลี่ยน เราไม่สามารถบอกได้ว่า อะไรมันดีกว่ากัน และอะไรควรจะเป็นอย่างไร แต่ว่าวไทย ผิดอะไร ทำไมคนไทยถึงเริ่มที่เลือกจะทิ้งมันไว้ให้เหลือเพียงแค่ความทรงจำ

หากเป็นไปได้ ภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง น่าจะจัดกิจกรรมอะไรสักอย่างเพื่อการส่งเสริมว่าวไทยในฐานะกีฬาพื้นบ้านของไทย เพื่อสร้างภาพจำใหม่ ๆ  ให้กับคนรุ่นหลัง ซึ่งสิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยต่อลมหายใจให้กับว่าวไทยไปได้อีกสักระยะหนึ่งทีเดียว