post

เล่นว่าวแล้วแข็งแรง ประโยชน์ของการเล่นว่าวที่คุณอาจไม่เคยรู้

ว่าวเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมไม่เฉพาะในประเทศไทย แต่ในหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งสาเหตุหลักคงมาจากความสนุกสนานเพลิดเพลิน แต่รู้ไหมว่าจริง ๆ แล้วการเล่นว่าวมีประโยชน์มากมายกว่านั้น ครั้งนี้เรารวบรวมประโยชน์ของว่าวที่คุณอาจไม่เคยรู้มาให้ดูกัน

                การเล่นว่าวเป็นการออกกำลังกาย

การเล่นว่าวเป็นกิจกรรมที่ผู้เล่นต้องเคลื่อนไหวร่างกาย โดยเฉพาะตอนออกวิ่งเพื่อให้ว่าวบินขึ้น และเวลาที่คุณพลาดทำว่าวร่วงลงมาจนต้องวิ่งไปเก็บ ซึ่งถือเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ที่นอกจากจะช่วยเผาผลาญไขมันที่สะสมในร่างกายแล้ว ยังทำให้ระบบหายใจและหมุนเวียนโลหิตแข็งแรงด้วย

สภาพแวดล้อมสร้างสุขภาพ

                การเล่นว่าวกลางแจ้งท่ามกลางแสงแดดอ่อน ๆ จำเป็นต่อการสร้างวิตามินดีซึ่งจำเป็นต่อการสร้างกระดูก การขาดวิตามินดังกล่าวทำให้เป็นโรคกระดูกพรุนได้ นอกจากนั้นหากที่ ๆ เล่นล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติแล้ว ร่างกายยังได้รับอากาศบริสุทธิ์ อักทั้งการได้มองดูและฟังเสียงจากธรรมชาติยังช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดอีกด้วย

                ดีต่อคอและสายตา

การแหงนหน้ามองว่าวที่ลอยอยู่บนฟ้า หรือหันคอไปมาระหว่างเล่นว่าวก็เป็นการยืดกล้ามเนื้อคอ ซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อคอบ่าไหล่สำหรับผู้ที่ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานานหรือชอบยืนและนั่งงอหลัง นอกจากนั้นการจ้องมองว่าวที่อยู่ไกล ๆ บนท้องฟ้ายังเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดของดวงตา ซึ่งช่วยบรรเทาและป้องกันสายตาสั้นได้

ผ่อนคลายความเครียด

                ว่าวเป็นกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดผ่อน การได้ขยับร่างกายและโฟกัสอยู่กับการควบคุมว่าวนอกจากจะเป็นการฝึกสมาธิแล้ว ขณะที่เล่นว่าวคุณยังได้อยู่กับตัวเอง ลืมเรื่องปวดหัวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว

                สร้างสัมพันธไมตรี

                แน่นอนว่าว่าวเป็นกิจกรรมที่สามารถเล่นคนเดียวได้ แต่มันก็เป็นกิจกรรมที่คุณสามารถเล่นไปพร้อม ๆ กับคนอื่นได้เช่นกัน คุณอาจใช้การเล่นว่าวเป็นกิจกรรมร่วมกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว ระหว่างเพื่อนฝูง หรือแม้แต่ใช้โอกาสนี้หาเพื่อนใหม่ ๆ ที่ชอบเล่นว่าวเหมือนกัน นอกจากนั้นระหว่างเล่นว่าวคุณยังสามารถชวนคนที่เล่นด้วยกันคุยเรื่องต่าง ๆ ได้ง่าย คุณอาจชวนคุยเรื่องสภาพอากาศ หรือว่าวที่คุณชอบก็ได้

                แสดงตัวตนและส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์

                ว่าวเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง การได้ออกแบบ ผลิตว่าวของตัวเองนอกจากคุณจะได้แสดงความเป็นตัวเองผ่านรูปร่าง สี ชนิดของว่าวที่เลือกแล้ว ยังเป็นการฝึกใช้ความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย

                เสริมสร้างความสุขและความมั่นใจ

                การเล่นว่าวเป็นกิจกรรมที่ไม่ได้ยากมาก แต่ก็ต้องใช้ความพยายามอยู่บ้างเช่นกัน นี่จึงเป็นกิจกรรมที่เหมาะสำหรับการสร้างความมั่นใจ ลองนึกถึงครั้งแรกที่คุณพาว่าวขึ้นบินได้สำเร็จเป็นครั้งแรกสิว่ามันทำให้คุณมีความสุขมากแค่ไหน

                เห็นแล้วใช่ไหมการเล่นว่าวมีประโยชน์มากมายจริง ดังนั้นถ้ามันมีประโยชน์มากขนาดนี้ อย่าพลาดที่จะใช้เวลาว่างของคุณออกไปเล่นว่าวกับล่ะ


post

เล่นว่าวแล้วฉลาด รวมไอเดียใช้ว่าวเป็นสื่อการสอน

แนวคิดเรื่องการเรียนให้สนุกไม่ใช่แนวคิดใหม่อะไร แต่เอาเข้าจริงการจะเชื่อมโยงวิชาต่าง ๆ กับกิจกรรมที่สนุกก็เป็นอะไรที่ท้าทายไม่น้อย ว่าวเองก็เป็นกิจกรรมหนึ่งที่สนุกสนานเพลิดเพลินและเหมาะกับทุกเพศทุกวัย ดังนั้นครั้งนี้เราจึงจะขอเสนอไอเดียการนำว่าวไปใช้ในการเรียนการสอน มาดูกันว่าการเล่นว่าวสามารถเชื่อมโยงกับวิชาต่าง ๆ ได้อย่างไรบ้าง

วิทยาศาสตร์

                การที่ว่าวจะสามารถบินอยู่บนอากาศได้ ต้องอาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์มากมาย เช่น เรื่องของการเคลื่อนที่ในวิชาฟิสิกส์ เรื่องของวัสดุในวิชาเคมี เรื่องของลมฟ้าอากาศในวิชาอุตุนิยมวิทยา ดังนั้นอาจเริ่มโดยการตั้งคำถามกับนักเรียน เช่น ทำไมว่าวถึงลอยอยู่ในอากาศได้ วัสดุที่ใช้ทำว่าวผลการบินของว่าวอย่างไร การหาทิศทางและความเร็วลมทำได้อย่างไร

 นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมโยงไปสู่การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ เช่น การทดลองของเบญจามิน แฟรงคลินที่ใช้ว่าวเพื่อทดลองว่าฟ้าผ่าเป็นไฟฟ้าหรือไม่ หรือการคิดค้นวิธีถ่ายภาพทางอากาศด้วยการติดกล้องลอยขึ้นไปกับว่าว

สังคมศึกษา

                ว่าวอาจเรียกได้ว่าเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เพราะมันมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานและเกี่ยวข้องกับหลากหลายประเทศทั่วโลก ดังนั้นจึงอาจใช้เชื่อมโยงไปสู่หลากหลายวิชาทางสังคมได้

โดยเฉพาะวิชาประวัติศาสตร์ เพราะว่าวมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ตัวอย่างของไทยก็เช่น เหตุการณ์ที่พระเพทราชาใช้ระเบิดติดกับว่าวแล้วชักข้ามกำแพงข้าศึกเพื่อโจมตี ส่วนในต่างประเทศก็มีหลายประเทศที่ว่าวมีความสำคัญในประวัติศาสตร์ เช่น ในประเทศจีนที่เริ่มแรกมักใช้ว่าวขนาดใหญ่เพื่อนำทหารขึ้นไปสอดแนวข้าศึก หรือญี่ปุ่นที่ใช้ว่าวเพื่อบูชาเทพเจ้า

คณิตศาสตร์

                ปัจจุบันว่าวมีรูปร่างหน้าตาหลากหลาย แต่ก็มีว่าวจำนวนมากที่มีรูปร่างทางเลขาคณิตง่าย ๆ เช่น สี่เหลี่ยมจัตุรัส สี่เหลี่ยมรูปว่าว สามเหลี่ยม ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นสื่อการสอนในวิชาคณิตศาสตร์ได้ เช่น การหาพื้นที่ของรูปร่างต่าง ๆ ได้

พลศึกษา

                แทนที่จะเล่นกีฬาทั่ว ๆ ไปอย่างฟุตบอล บาสเกตบอล หรือวอลเวย์บอลทุกคาบ คุณครูอาจแบ่งสักสองสามคาบให้นักเรียนได้เล่นว่าวดูบ้าง ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งการเล่นแบบทั่วไปหรือแข่งขันกัน เช่น ว่าวของใครอยู่บนฟ้าได้นานกว่า หรือกระทั่งจัดแข่งขันดวลว่าวแบบไทย ๆ ที่ทั้งสองฝั่งต้องดึงว่าวของฝ่ายตรงข้ามให้มาตกในเขตของตัวเองให้ได้

ศิลปะและงานประดิษฐ์

                คงไม่มีวิชาไหนที่เหมาะกับการนำว่าวมาใช้เป็นสื่อการสอนมากกว่าวิชาที่เกี่ยวข้องกับศิลปะและงานประดิษฐ์อีกแล้ว เพราะว่าวในทุก ๆ วัฒนธรรมล้วนผ่านการออกแบบและใช้ทักษะการประดิดประดอยอย่างพิถีพิถัน

                คุณครูอาจฝึกความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนโดยให้ออกแบบลายหรือรูปร่างของว่าว หรือกระทั่งให้ศึกษาแนวคิดการออกแบบว่าวในวัฒนธรรมต่าง ๆ ซึ่งก็สามารถนำมาปรับใช้กับว่าวของตัวเองได้

                ลองนำไอเดียเหล่านี้ไปใช้กันนะ เพราะนอกจากเด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ไปพร้อมกับการเล่นว่าวอย่างสนุกสนานแล้ว ยังทำให้เด็กรุ่นใหม่ที่ไม่เคยได้เล่นว่าวได้หันมาสนใจเล่นว่าวกันมากขึ้นอีกด้วย

post

รู้จักไคท์บักกี้ กีฬาว่าวติดล้อสุดมัน

กีฬาสำหรับคนชอบความเร็วนั้นมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นฟอร์มูล่าวันหรือการแข่งขันรถจักรยานยนต์ แต่ในบรรดากีฬาท้าความเร็วเหล่านี้ มีหนึ่งประเภทที่อาจถูกใจคนชอบเล่นว่าวเป็นพิเศษ มันมีชื่อว่าไคท์บักกี้ (Kite Buggy)

ไคท์บักกี้คืออะไร

                ไคท์บักกี้ คือรถลากที่ไม่ได้ใช้ม้า วัว หรือคนลาก แต่ใช้ว่าวลากนั่นเอง หากสงสัยว่าว่าวจะลากรถได้ยังไง ลองนึกถึงว่าวที่มีขนาดใหญ่อย่างว่าวสตั๊นหรือว่าวเซิร์ฟ ที่มีความสามารถลากของหนัก ๆ ได้ นอกจากนั้นตัวรถเองก็ออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบาอีกด้วย

                แต่ไคท์บักกี้ไม่ใช่กีฬาที่เล่น เพราะนอกจากผู้ควบคุมจะต้องมีทักษะที่ต้องฝึกฝนเป็นอย่างดีแล้ว ความเร็วสูงสุดที่มันทำได้อาจมากถึง 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว

อุปกรณ์เล่น ไคท์บักกี้

                ทั่วไปแล้ว บักกี้ หรือตัวรถลากมักมีสามล้อ โดยมีล้อหน้า 1 ล้อ ล้อหลัง 2 ล้อ ตัวล้อจะคล้ายรถยนต์  มีที่นั่งอยู่ระหว่างล้อทั้งสาม แต่เยื้องมาทางล้อหลังมากกว่า ด้านข้างล้อหน้ามีที่วางเท้าและที่สำหรับถีบเพื่อเลี้ยวซ้ายขวา ส่วนสายว่าวจะไม่ได้เชื่อมต่อกับตัวรถหรือบักกี้ แต่จะผูกติดอยู่กับด้ามจับยาวคล้ายแฮนด์ของรถจักรยานยนต์ ซึ่งจะคาดติดกับตัวของผู้ขับขี่อีกทีหนึ่ง

การควบคุม ไคท์บักกี้ เบื้องต้น

                การควบคุมให้ไคท์บักกี้ เคลื่อนที่ไปข้างหน้านั้น เริ่มจากผู้ควบคุมนำว่าวขึ้นบินก่อน เมื่อว่าวลอยติดลมแล้ว ผู้ควบคุมจึงขึ้นไปนั่งบนบักกี้ ระหว่างนั้นก็จะต้องควบคุมว่าวให้ดี อย่าให้ร่วงลงมา

การเบรกนั้น ตัวบักกี้ไม่มีระบบเบรก ผู้เล่นมือใหม่อาจใช้การหยุดด้วยเท้า ส่วนผู้ที่ควบคุมว่าวได้อย่างชำนานอาจควบคุมให้ว่าวเคลื่อนไปอยู่ทางด้านหลัง บักกี้ เพื่อให้ว่าวต้านลม และดึงให้ความเร็วบักกี้ลดลงจนหยุด

ส่วนการเลี้ยว บักกี้ ทำได้โดยการใช้เท้าถีบส่วนที่อยู่ด้านข้างล้อหน้าข้างใดข้างหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ล้อเลี้ยวเปลี่ยนทิศทาง

อันตรายและข้อควรระวังในการเล่น

                ไคท์บักกี้ถือเป็นกีฬาผาดโผน ซึ่งก็มีความเสียงต่อการบาดเจ็บ ดังนั้นจึงมีข้อควรระวังดังต่อไปนี้

  • มือใหม่ที่ยังไม่ชำนาญในการควบคุมว่าว ควรใช้ว่าวที่มีขนาดเล็ก เช่น ว่าวที่มีขนาด 2-3 ลูกบาศก์เมตร และเล่นในที่ ๆ มีความเร็วลมไม่มาก เช่น ไม่เกิน 19 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • เล่นในสถานที่ ๆ มีพื้นที่มากพอ ไม่มีสิ่งกีดขวางมากจนเกินไป และเลือกล้อให้เหมาะกับสภาพพื้นผิว เช่น หากพื้นผิวขรุขระให้ใช้ล้อขนาดใหญ่
  • สวมอุปกรณ์ป้องกัน ได้แก่ เสื้อที่มีความหนาเหมือนเสื้อสำหรับแข่งรถ และหมวกกันน็อกที่มีน้ำหนักเบาและไม่บดบังทัศนะวิสัย เช่น หมวกจักรยานเสื้อภูเขา

บักกี้จั๊มและบักกี้ไอซ์สเกต

                นอกจากการเล่น ไคท์บักกี้ แบบปกติแล้ว ยังมีวิธีการเล่นแบบอื่นซึงผาดโผนยิ่งกว่า เหมาะกับผู้ที่ต้องการความท้าทายมากขึ้น แบบแรกเรียกว่า บักกี้จั๊ม ซึ่งเป็นการให้ว่าวยกบักกี้ให้ลอยขึ้นจากพื้นชั่วขณะ  และผู้ที่มีความชำนาญอาจแสดงท่าทาง ลีลาขณะลอยตัวด้วย ส่วนอีกแบบคือบักกี้ไอซ์สเกตมีวิธีการเล่นเหมือนไคท์บักกี้ปกติ เพียงแต่เล่นบนพื้นน้ำแข็ง และเปลี่ยนจากล้อเป็นใบมีดแบบเดียวกับรองเท้าสเก็ตน้ำแข็งแทนนั่นเอง

                ไคท์บักกี้เป็นเพียงในกิจกรรมสนุก ๆ ที่คนชอบเล่นว่าวสามารถทำได้ หากคุณเป็นคนชอบเล่นว่าว ก็อย่าลืมมองหาวิธีการเล่นว่าวแบบใหม่ ๆ เพื่อเปิดโลกแห่งการเล่นว่าวให้กว้างขึ้นกันล่ะ


post

การประลองว่าว สังเวียนเดือดของคนเล่นว่าว

การเล่นว่าวคนเดียวถือเป็นกิจกรรมที่สร้างความเพลิดเพลิน แต่จะเป็นอย่างไรถ้าว่าวสองตัวหรือมากกว่านั้นจะต้องมาต่อสู้เพื่ออยู่รอด การแข่งขันเพื่อหาคนสุดท้ายที่บินอยู่บนฟ้าได้นี้เรียกว่า การประลองว่าว (Kite fighting)

การประลองว่าวคืออะไร

                การประลองว่าวคือการแข่งขันซึ่งผู้เล่นทั้งสองฝั่งต้องควบคุมให้ว่าวของตนองบินอยู่บนฟ้า ขณะเดียวกันก็ต้องตัดสายว่าวของฝั่งตรงข้ามให้ได้ การแข่งขันนี้เป็นที่นิยมในหลายประเทศ เช่น อัฟกานิสถาน อินเดีย เวียดนาม ไทย

                สายว่าวที่ใช้ในการแข่งขันนี้จะมีความคมมากกว่าปกติโดยวัสดุที่ใช้และวิธีการทำจะแตกต่างกันออกไป เช่น เชือกป่านที่ชุบด้วยเศษแก้วและกาวจากข้าว สายโลหะ หรือบางวัฒนธรรมก็ใช้การติดใบมีดคมที่ตัวว่าวแทน

กติกาการประลองว่าว

                กติกาการประลองว่าว แตกต่างกันไปตามพื้นที่ โดยผู้เล่นอาจมีได้ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป แต่ส่วนใหญ่แล้วกติกาที่เหมือนกันคือต้องตัดสายว่าวของฝ่ายตรงข้ามให้ได้

                นอกจากนั้นบางประเทศมีหลักปฏิบัติที่ว่าหากว่าวที่ใช้ในการแข่งขันตัวใดถูกฝ่ายตรงข้ามตัดเชือกขาด เมื่อมันร่วงลงสู่พื้น ผู้ชมคนใดที่วิ่งไปเก็บว่าวตัวนั้นได้เป็นคนแรก ก็จะได้เป็นเจ้าของใหม่ของว่าวตัวนั้น

อันตรายของการประลองว่าว

                แต่การประลองว่าวไม่ได้มีแค่ความดุเด็ดเผ็ดมัน แต่มันยังมีอีกด้านที่ผู้สนใจจะเล่นต้องตระหนักและระแวดระวัง เนื่องจากในหลายประเทศเช่น ชิลี อินเดีย ปากีสถานมีรายงานว่าเคยมีคนได้รับบาดเจ็บจากส่วนคมของว่าวที่ใช้ในการประลองว่าว โดยมีตั้งแต่ถูกบาดที่นิ้วไปจนถึงเสียชีวิตเพราะเชือกที่คมกริบไปเกี่ยวกับคนที่กำลังขับรถจักรยานยนต์ในบริเวณแข่งขัน

ด้วยสาเหตุดังกล่าวทำให้บางประเทศถึงขนาดออกกฎห้ามไม่ให้ผู้เข้าแข่งขันใช้สายว่าวที่มีความคม บางแห่งก็จำกัดให้ใช้วัสดุได้แค่บางชนิดเท่านั้น และบางแห่งผู้เข้าแข่งขันจะต้องสวมอุปกรณ์ป้องกัน ส่วนรถที่แล่นไปมาในบริเวณแข่งขันก็ต้องติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันเพื่อความปลอดภัย

ตัวอย่างการประลองว่าว ในประเทศต่าง ๆ

                ญี่ปุ่น

                การประลองว่าว ของญี่ปุ่นมี 2 แบบ แบบแรกคือการตัดสายว่าวแบบที่ได้กล่าวไป ซึ่งเชื่อกันว่าชาวอินโดนีเซียเป็นคนนำเข้ามา ส่วนอีกแบบจะแตกต่างจากที่อื่น เพราะไม่มีการตัดสายว่าวของคู่ต่อสู้ แต่ใช้การทำให้ว่าวของคู่ต่อสู้ร่วงแทน โดยจะเป็นการแข่งขันแบบทีมและใช้ว่าวที่มีขนาดใหญ่มาก

                ปากีสถาน

                ว่าวที่ใช้ประลองของที่นี่มีรูปร่างแตกต่างจากว่าวทั่วไป เพราะแต่ละตัวจะถูกออกแบบเพื่อใช้ในการแข่งขันโดยเฉพาะ ทุกตัวจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร

                ไทย

                เป็นการแข่งขันที่มีมาแต่โบราณ โดยว่าวปักเป้าซึ่งมีขนาดเล็กกว่าสองทีมจะต้องแข่งกับว่าวจุฬาหนึ่งทีม โดยฝ่ายที่ดึงว่าวของฝ่ายตรงข้ามลงมายังเขตของตัวเองได้จะเป็นผู้ชนะ

                การประลองว่าว แม้จะเป็นกิจกรรมที่มีมาแต่โบราณ แต่ก็ยังคงเป็นกิจกรรมที่ท้าทายให้เราได้ลองเล่น วันนี้เป็นวันที่ลมแรงใช่หรือเปล่า ดังนั้นอย่าลืมนั้นเพื่อนๆ ออกไปประลองว่าวกันนะ


post

ว่าว อุปกรณ์ถ่ายภาพมุมสูงพึ่งได้ ไม่ต้องใช้โดรน

ปัจจุบันการถ่ายภาพทางอากาศเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว ไม่ว่าจากเครื่องบิน โดรน เฮลิคอปเตอร์ แต่เคยได้ยินการถ่ายภาพทางอากาศด้วยว่าวกันบ้างหรือไม่? หากยังไม่เคยมาลองฟังเรื่องราวการใช้ว่าวในการถ่ายภาพทางอากาศกัน

การถ่ายภาพทางอากาศด้วยว่าวคืออะไร

                การถ่ายภาพทางอากาศด้วยว่าว (Kite Aerial Photography : KAP) ไม่ใช่อะไรที่ใหม่และเข้าใจยากแม้แต่น้อย มันคือการผูกกล้องถ่ายรูปที่สามารถสั่งการจากระยะไกลได้ไปกับว่าว เพื่อถ่ายภาพลงมาจากมุมสูง

อุปกรณ์ที่จำเป็น

                ว่าว

                การเลือกว่าวสำหรับถ่ายภาพทางอากาศ ต้องใช้ขนาดและชนิดของว่าวที่เหมาะสม หากใช้กล้องที่มีน้ำหนักมาก ก็ควรใช้ว่าวที่สามารถรับน้ำหนักได้มากด้วย

                กล้องถ่ายรูป

                กล้องที่ใช่สามารถใช้กล้องชนิดไหนก็ได้ตามความต้องการ เช่น กล้อง Go Pro กล้อง DSLR หรือกล้อง 360 องศา แต่ควรมีระบบลดการสั่นไหว เพื่อให้ภาพที่ถ่ายคมชัด

                อุปกรณ์จับยึด

                โดยปกติแล้วสามารติดกล้องไว้กับว่าวโดยตรงได้เลย แต่การใช้อุปกรณ์จับยึดเพื่อติดกล้องไว้ที่สายห่างจากว่าวนั้นมีข้อดีคือช่วยลดการสั่นไหวที่ไม่จำเป็นที่เกิดขึ้นกับตัวว่าว นอกจากนั้นวิธีนี้ยังช่วยให้สามารถนำกล้องขึ้นทีหลัง หลังจากปล่อยให้ว่าวลอยขึ้นไปอยู่บนฟ้าอย่างมั่นคงแล้ว และเก็บกล้องหลังจากถ่ายเสร็จได้ขณะที่ว่าวยังลอยอยู่ ทำให้ไม่ต้องดึงว่าวลงมาต่ำขณะนำกล้องขึ้น ซึ่งเสียงที่ว่าวและกล้องจะตกลงสู่พื้น

                อุปกรณ์ควบคุมระยะไกล

                อุปกรณ์เชื่อมต่อที่สามารถสั่งถ่ายรูป เปลี่ยนทิศทางของกล้อง หรือเห็นภาพจากกล้องได้

ประวัติศาสตร์การใช้ว่าวเพื่อถ่ายภาพทางอากาศ

                บุคคลแรกที่ใช้ว่าวเพื่อถ่ายภาพทางอากาศเป็นนักอุตุนิยมวิทยาชาวอังกฤษชื่อว่าดักลาส อาร์ชิบาลด์ (Douglas Archibald) โดยเขาอ้างว่าได้ภาพดังกล่าวในปีค.ศ.1888 อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้แสดงรูปถ่ายดังกล่าวให้ใครดู  

ส่วนอีกคนซึ่งอาจเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าริเริ่มการถ่ายภาพทางอากาศด้วยว่าวเป็นคนแรกอย่างแท้จริงคืออาร์เธอร์ แบททิท (Arthur Batut) ช่างภาพชาวฝรั่งเศส โดยภาพแรกถูกถ่ายในปีค.ศ.1889 ซึ่งเป็นภาพชุมชนที่เขาอาศัยอยู่นั่นเอง

การถ่ายภาพทางอากาศด้วยว่าวในปัจจุบัน

                แม้ปัจจุบันเทคนิคการถ่ายภาพทางอากาศจะพัฒนาไปมาก ผู้คนส่วนใหญ่ที่ต้องการภาพมุมสูงจึงมักใช้งานโดรนซึ่งควบคุมทิศทางและความสูงได้ อย่างไรก็ตามการก็ยังมีผู้ใช้งานว่าวเพื่อถ่ายภาพทางอากาศอยู่ เนื่องจากโดรนมีพลังงานจำกัด ทำให้ในกรณีของช่างภาพที่ต้องรอคอยเพื่อถ่ายภาพเป็นเวลานาน ต้องนำโดรนลงมาเพื่อเติมพลังงานก่อนนำขึ้นไปใหม่บ่อย ๆ ในขณะที่ว่าวใช้ลม ดังนั้นในพื้นที่ ๆ มีลมตลอดเวลาก็สามารถนำกล้องขึ้นได้นานเท่าที่ต้องการ หากพลังงานของกล้องไม่หมดเสียก่อน

                หากใครอยากได้ภาพถ่ายมุมสูงแต่ไม่มีงบจะไปซื้อโดรนแพง ๆ การใช้ว่าวก็ดูจะเป็นวิธีหนึ่งที่น่าสนใจทีเดียว เพราะนอกจากจะประหยัดงบแล้ว ยังได้เล่นว่าวไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย ยังไงก็อย่าลืมไปลองเล่นกันล่ะ

post

พลังงานสะอาด ที่เกิดขึ้นได้จากว่าว

เชื่อว่าเพื่อน ๆ พี่น้องที่มาอ่านบทความนี้คงเป็นคนที่ชอบเล่นว่าวไม่มากก็น้อย แล้วเคยคิดกันเล่น ๆ ไหมว่าลมแรง ๆ นั้นช่างมีอยู่ล้นเหลือไม่รู้จักหมดสิ้น และทำให้ว่าวของเราบินได้ทุกวี่ทุกวัน ถ้าอย่างนั้นหากสามารถใช้ลมกับว่าวนี้ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ก็คงดี สิ่งที่ว่าไปนี้เกิดขึ้นจริงแล้วในปัจจุบัน ทั้งยังเกี่ยวข้องกับการใช้ว่าวอีกด้วย นั่นคือการนำผลิตพลังงานไฟฟ้าจากลมโดยใช้ว่าว ซึ่งถือเป็นวิธีการสร้างพลังงานสะอาดที่เพิ่งถูกนำมาพัฒนาเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก่อนจะมาดูว่าว่าวผลิตพลังงานสะอาดได้ยังไง มาทำความรู้จักกับพลังงานสะอาดกันก่อน

พลังงานสะอาดคืออะไร

                พลังงานสะอาดคือพลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ สามารถนำมาใช้ได้ไม่มีวันหมด ต่างจากแหล่งพลังงานที่มนุษย์ใช้เป็นส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน ซึ่งนอกจากก่อให้เกิดก๊าซที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตต่างๆ แล้ว ยังเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน และยังเป็นเป็นแหล่งพลังงานที่ใช้แล้วหมดไป ต้องใช้เวลาอีกหลายล้านปีเพื่อจะสะสมขึ้นใหม่ใต้ผิวโลก

พลังงานลมทางเลือกแห่งอนาคต

                พลังงานสะอาดได้มาจากหลายแหล่ง เช่น แสงอาทิตย์ การขึ้นลงของน้ำทะเล ความร้อนใต้พื้นดิน และพลังงานลมก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งโดยปกติแล้วพลังงานลมมักได้จากการติดตั้งกังหันลมในพื้นที่ ๆ มีลมแรง เมื่อลมพัดให้กังหันหมุน ก็จะดึงให้หม้อแปลงปั่นไฟหมุนไปด้วยเกิดเป็นไฟฟ้า

                อย่างไรก็ตามปัจจุบันอีกทางเลือกสำหรับการนำพลังงานลมมาใช้นอกจากการใช้กังหันลมอันใหญ่ ๆ ที่เราคุ้นเคย นั่นคือการนำอุปกรณ์ที่เราคุ้นเคยอย่างว่าวมาใช้นั่นเอง

ว่าวสร้างพลังงานได้อย่างไร

                การนำว่าวมาช่วยในการนำพลังงานจากลมมาใช้นั้นโดยทั่วไปมีสองวิธี วิธีแรกคือการติดตั้งกังหันลมไว้บนว่าว โดยอาจเป็นกังหันที่มีน้ำหนักเบาและมีขนาดเล็ก ซึ่งเมื่อว่าวบินอยู่บนฟ้าก็ย่อมมีลมพัดผ่านกังหันก่อให้เกิดเป็นพลังงาน อีกวิธีหนึ่งคือการใช้การเคลื่อนไหวของว่าวเพื่อดึงเชือกที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่จะเปลี่ยนพลังงานจากแรงดึงของว่าวนี้เป็นพลังงานไฟฟ้า

ข้อดีของพลังงานจากว่าว

  • ว่าวสามารถบินไปบนท้องฟ้าซึ่งมีลมแรงกว่าบนพื้นดิน จึงสร้างพลังงานได้มากกว่า
  • สร้างมลพิษน้อยกว่าอุปกรณ์กังหันลมประเภทอื่น ๆ ทั้งยังมีอุปกรณ์ที่ต้องติดตั้งบนพื้นดินน้อย
  • ที่ความเร็วสูงมาก ๆ กังหันลมจำเป็นต้องปิดเพื่อป้องกันความเสียหาย ในขณะที่ว่าวสามารถใช้งานได้แม้มีพายุ
  • ระบบว่าวสามารถติดตั้งบนฐานที่ลอยอยู่ เช่นในมหาสมุทรได้ ในขณะที่กังหันลมทำไม่ได้
  • เนื่องจากอุปกรณ์ติดตั้งน้อย ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่เหตุด่วนหรือเกิดพิบัติภัย

แม้ว่าวจะเป็นอุปกรณ์ที่มีมานานแสนนาน แต่มันกลับไม่ใช่สิ่งที่ล้าสมัยและไร้ประโยชน์ เพราะนับวันเราก็ยิ่งเห็นประโยชน์ของมันมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นอย่าเพิ่งมองว่ามันเป็นสิ่งล้าสมัยและเลิกสนใจกันไปเสียก่อน มาเล่นว่าวกันให้สนุกและก่อให้เกิดประโยชน์กันดีกว่า


post

ตกปลาด้วยว่าว เมื่อว่าวกลายเป็นกิจกรรมบนท้องทะเล

ว่าวดูเหมือนจะเป็นกิจกรรมสำหรับเล่นบนบก แต่รู้หรือไม่ว่าสำหรับนักตกปลาแล้วว่าวคือสิ่งที่ควรนำไปเล่นที่ทะเล ทะเลสาบ แหล่งน้ำต่าง ๆ แต่ไม่ใช่เพื่อความบันเทิงเท่านั้น มันถูกใช้เพื่อการตกปลาด้วยเทคนิคที่มีชื่อว่า Kite fishing

ว่าวช่วยนักตกปลาอย่างไร

                Kite fishing เป็นหนึ่งในเทคนิคการตกปลาที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่นิยม เนื่องจากปลาบางชนิด เช่น ปลาดาบ ปลากระโทงร่ม ปลาทูน่า ชอบมองหาเหยื่อที่อยู่ใกล้ผิวน้ำ นอกจากนั้นปลาบางชนิดยังมักไม่กินเหยื่อเมื่อมองเห็นสายเอ็นของเบ็ดตกปลา เทคนิค Kite fishing ช่วยให้เหยื่อลอยอยู่ใกล้ผิวน้ำ นอกจากนั้นยังทำให้เอ็นตกปลาลอยอยู่เหนือน้ำ จึงเหมาะกับการตกปลาแบบที่กล่าวไปเป็นอย่างดี

                นอกจากนั้นเทคนิคนี้ยังช่วยให้นักตกปลาสามารถตกปลาในน้ำที่ค่อนข้างลึกได้โดยไม่ต้องออกเรือ และในกรณีที่ออกเรือ เทคนิคนี้ยังช่วยให้สามารถตกปลาในบริเวณที่เรือเข้าไม่ถึงหรือเป็นอันตราย เช่น บริเวณน้ำตื้นเพราะมีโขดหิน หรือมีแนวปะการัง

อุปกรณ์เสริมสำหรับว่าวตกปลา

                นอกจากอุปกรณ์ตกปลาปกติ เช่น คันเบ็ด เหยื่อตกปลาแล้ว อุปกรณ์เสริมที่ต้องใช้สำหรับการตกปลาด้วยเทคนิค kite fishing ได้แก่

  • ว่าว
  • เชือกว่าว
  • คันเบ็ดสำหรับปล่อยว่าว มีหน้าตาคล้ายเบ็ดตกปลา แต่สั้นและหนักกว่า
  • รอกสำหรับเชือกว่าว
  • อุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อเชือกว่าวกับเอ็นของเบ็ดตกปลา

ว่าวที่ใช้สำหรับเทคนิคนี้ต้องออกแบบเป็นพิเศษ โดยมักมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมรูปว่าว มีความทนทานต่อลมแรง และมีความหลากหลายสำหรับใช้ในลมที่มีความเร็วแตกต่างกันไป

ขั้นตอนการใช้ว่าวตกปลา

  1.  เริ่มจากการปล่อยว่าวโดยเชือกว่าวจะพันอยู่กับรอกซึ่งเชื่อมอยู่กับคันเบ็ดสำหรับปล่อยว่าวในลักษณะเดียวกับเบ็ดตกปลา
  2. เกี่ยวเหยื่อกับเบ็ดตกปลา ซึ่งมักใช้เหยื่อเป็น ๆ จากนั้นนำเอ็นตกปลาและเชือกว่าวมาเชื่อมต่อกันด้วยอุปการณ์เชื่อมต่อ แล้วปล่อยเหยื่อลงสู่น้ำ
  3. เมื่อปลาฮุบเหยื่อ ว่าวที่ลอยอยู่จะถูกดึงลงน้ำพร้อมกัน ซึ่งทำให้นักตกปลารู้ได้ทันทีว่าถึงเวลาเย่อกับปลาแล้ว

ความยากของการใช้ว่าวช่วยตกปลา

  1. อุปกรณ์และการติดตั้งอาจดูยุ่งยากเพราะมีรายละเอียดและเทคนิคหลายอย่าง ซึ่งหากเรียนรู้จนพอเข้าใจก็จะง่ายขึ้นหลังจากนั้น
  2. การตกปลาบนเรือใหญ่ อาจทำให้การปล่อยว่าวทำได้ยากเพราะตัวเรือบังลม ในกรณีนี้ต้องหันเรือไปยังด้านที่ลมพัดว่าวได้ในตอนเริ่ม แล้วเมื่อว่าวขึ้นแล้วค่อยหันเรือ
  3. หลังจากปลาฮุบเหยื่อว่าวจะตกลงสู่น้ำ ซึ่งหากไม่รีบเก็บว่าวก็จะจบลงสู่ก้นทะเล ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปงมเก็บ นักตกปลาที่ใช้เทคนิคนี้จึงมักผูกลูกโป่งกับว่าวเพื่อให้มันจมน้ำนั่นเอง

การเล่นว่าวนอกจากจะเป็นกิจกรรมเพื่อความสนุกสนานแล้ว ยังมีประโยชน์อย่างอื่นอีกมากมาย ซึ่งนี่เป็นเพียงหนึ่งอย่างเท่านั้น หากผู้อ่านสนใจก็สามารถไปศึกษาเพิ่มเติมได้ รับรองว่ามันจะทำให้การเล่นว่าวของคุณสนุกกว่าเดิม


post

ไม่มีลมแล้วไง รู้จักกับว่าวที่เล่นได้แม้ไม่มีลมกันเถอะ

เคยไหมที่วันที่ตั้งใจจะออกไปเล่นว่าว ฝนดันเทลงมาซะอย่างนั้น วันต่อมาฝนไม่ตกแต่อากาศดันนิ่งจนว่าวลอยจากพื้นไม่ขึ้นซักนิด พอวันถัดมาลมแรงดี แต่แดดดันร้อนเปรี้ยงจนผิวคุณไหม้เป็นแถบ ๆ อุปสรรคเรื่องสภาพอากาศเป็นของคู่กันกับนักเล่นว่าวเสมอ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะเราจะพาคุณไปรู้จักกับการเล่นว่าวแบบไร้ลมกัน

หลักการของว่าวไร้ลม

                หลักการของการเล่นว่าวแบบไร้ลมหรือว่าวสำหรับเล่นในร่มนั้นง่ายมาก และเป็นสิ่งที่คนเล่นว่าวน่าจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วเพราะมันคือหลักการเดียวกับการนำว่าวขึ้น นั่นคือแทนที่จะรอให้ลมพัดมาหาว่าวแล้วยกมันลอยขึ้น ผู้เล่นจะต้องพาว่าวเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงข้ามกับว่าว เช่นเดินถอยหลังหรือกระตุกเชือกอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ทำให้อากาศที่อยู่นิ่งเสมือนกับว่าเคลื่อนที่สวนทางกับว่าว และทำให้มันลอยขึ้นได้นั่นเอง

ว่าวที่จะนำมาเล่นในสภาพแวดล้อมที่มีลมน้อยหรือไม่มีลมเลย มักมีการออกแบบต่างจากว่าวทั่วไปอย่างว่าวจุฬา ว่าวดุ๊ยดุ่ย เช่น ใช้รูปทรงที่ช่วยให้มันลอยตัวได้ง่ายแบบเดียวกับเครื่องร่อนหรือปีกของเครื่องบิน และออกแบบให้สามารถควบคุมทิศทางได้ง่าย

ข้อดีของว่าวไร้ลม

                ว่าวไร้ลมจะต้องอาศัยการเคลื่อนที่ของผู้เล่น ดังนั้นจึทำให้เกิดความเมื่อยล้าและเล่นได้ไม่นานเท่ากับการเล่นว่าวแบบใช้ลม แต่ข้อดีของมันคือผู้เล่นสามารถควบคุมว่าวได้ทั่วทิศทางรอบตัว ไม่ว่าจะบินวนเป็นวงกลม ขึ้นจากข้างล่างขึ้นข้างบน หรือแม้แต่แสดงท่าทางลีลาไม่ต่างกับการบินผาดโผนของเครื่องบินเลยทีเดียว

ข้อดีดังกล่าวทำให้การเล่นว่าวในร่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขนาดมีการนำมาแสดงตามเวทีต่าง ๆ หรือมีการจัดการแข่งขันในฐานะกีฬาประเภทหนึ่งเลยทีเดียว

มาลองทำว่าวไร้ลมอย่างง่ายกันเถอะ

อุปกรณ์

  • กระดาษขนาด 8.5 x 11 นิ้ว 1 แผ่น
  • หลอด 1 อัน
  • กระดาษย่นยาว 3 ฟุต
  • เชือกยาว 5 ฟุต
  • กรรไกร
  • ที่เจาะกระดาษ
  • ไม้บรรทัด
  • ดินสอ
  • มาสกิ้งเทป

ขั้นตอนการทำ

  1. วางกระดาษในแนวนอน พับครึ่ง จากนั้นมาร์คจุดห่างจากขอบบนและล่างของกระดาษ โดยด้านบนให้ห่างจากมุมซ้าย 1 นิ้ว ขอบล่างให้ห่างจากมุมขวา 1 นิ้ว แล้วลากเส้นเชื่อมจุดทั้งสอง
  2. พลิกกระดาษและมาร์คจุดและลากเส้นแบบเดียวกัน สังเกตุว่าเส้นบนทั้งสองด้านของกระดาษจะต้องอยู่ในตำแหน่งซ้อนทับกันพอดี
  3. พับกระดาษตามเส้นที่ขีดไว้ทั้งสองด้าน แล้วนำมาสกิ้งเทปมาปิดทับรอยพับทั้งสองด้านให้ติดกัน
  4. จนถึงข้อนี้หากนำขอบกระดาษด้านที่พับครึ่งตั้งแต่ข้อ 1 ทาบลงที่พื้น แล้วด้านตรงข้ามกางออกเป็นสี่เหลี่ยมรูปว่าวได้ถือว่าถูกต้อง
  5. นำหลอดมาติดที่ด้านสั้นของสี่เหลื่ยมรูปว่าว แล้วปิดทับด้วยมาสกิ้งเทป
  6. พลิกขอบด้านล่างขึ้น มาร์คจุดห่างจากขอบด้านหน้าของว่าว โดยให้ห่างจากขอบด้านยาว 2.75 นิ้ว และห่างจากขอบด้านกว้าง 0.5 นิ้ว ติดเทปกาวทับจุดมาร์คแล้ว เจอรู แล้วร้อยเชือกที่รูดังกล่าว
  7. ติดกระดาษย่นที่ด้านท้ายเพื่อเป็นหางของว่าว

คงรู้กันแล้วใช่ไหมว่าแม้วันที่ไร้ลมก็เล่นว่าวได้ แถมว่าวไร้ลมอย่างง่ายก็ทำได้ไม่ยากเลย ดังนั้นอย่าลืมเอาไปลองทำกันดูล่ะ แล้วคุณจะสนุกกับการเล่นว่าวได้ทุกวัน


post

แชมป์ว่าว เรื่องของว่าวกับสถิติโลก

ในยุคสมัยแห่งการแข่งขันอย่างในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเรื่องไหน ๆ ก็มักจะมีผู้ที่พยายามสร้างสถิติที่เหนือกว่าผู้อื่นอยู่เสมอ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของการเล่นว่าว และในบรรดาสถิติที่มีทั้งหมด นี่คือที่สุดของโลกเท่าที่เคยมีมา

ว่าวที่ใหญ่ที่สุดในโลก

                หลายคนอาจเคยเห็นว่าวที่ใหญ่เท่าคนหรือแม้แต่เท่าบ้านมาก่อน แต่รู้หรือไม่ว่าว่าวใหญ่ที่สุดที่เคยบินขึ้นสู่ท้องฟ้าใหญ่มหึมากว่านั้นมาก ว่าวที่ว่าบินขึ้นสู่ท้องฟ้าในงานเทศกาลคูเวท ฮาลา (Kuwait Hala Festival) โดยมันมีหน้าตาเป็นรูปธงคูเวท ขนาดที่ถูกบันทึกเมื่อวางราบกับพื้นมีพื้นมีด้านกว้าง 25.475 เมตร ด้านยาว 40 เมตร มีพื้นรวม 1019 ตารางเมตร หากจะเทียบให้เห็นภาพชัด ๆ ก็ขนาดประมาณสนามบาส 2 สนาม ที่นำด้านยาวมาประกบกัน นอกจากนั้นว่าวดังกล่าวยังลอยอยู่บนอากาศได้นานถึง 20 นาทีเลยทีเดียว

ว่าวที่บินสูงที่สุดในโลก

                การทำให้ว่าวบินได้สูงที่สุดอาจเป็นเป้าหมายของใครหลายคนที่หยิบว่าวขึ้นมาเล่น แต่คงมีอยู่ไม่มากที่คิดจะพามันขึ้นไปสูงเท่ากับชายชาวออสเตรเลียที่มีชื่อว่าโรเบิร์ต มัวร์ (Robert Moore) โดยเขาทำได้สำเร็จหลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง และบันทึกสถิติความสูงได้ถึง 4879.54 เมตร ความสูงดังกล่าวเป็นครึ่งหนึ่งของความสูงที่เครื่องบินจัมโบ้เจ็ทขึ้นไปถึงขณะบินส่งผู้โดยสารเลยทีเดียว

ว่าวที่บินเร็วที่สุดในโลก

                หากใครเป็นสิงห์นักบิดหรือบรรดานักแข่งยานพานพาหนะที่ใช้ความเร็วทั้งหลาย คงจะรู้ว่าความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นั้นไม้น้อยเลยทีเดียว แต่รู้หรือไม่ว่ามีว่าวที่เคยบินด้วยความเร็วขนาดนี้ได้สำเร็จ โดยมันเป็นว่าวสตั้นท์แบบ 2 สาย ที่บังคับโดยชายที่ชื่อพีท ดิ จาโกโม (Pete Di Giacomo) ซึ่งเขาทำสถิตินี้ไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ.1989

ว่าวที่บินได้นานที่สุดในโลก

                การจะทำให้ว่าวบินอยู่บนท้องฟ้าได้นานเป็นหนึ่งในสิ่งท้าทายอย่างมาก เพราะส่วนของตัวว่าวและเชือกว่าวต้องทนต่อลมแรงเป็นเวลานานโดยไม่ขาดได้ แต่รู้หรือไม่ว่าว่าวที่ถูกพัฒนาโดยทีมจากวิทยาลัยชุมชนเอ็ดมันด์ เคยบินค้างอยู่บนท้องฟ้าได้นานถึง 180 ชั่วโมง 17 นาที

ปล่อยว่าวขึ้นบินพร้อมกันมากที่สุดในโลก

                สำหรับคนที่เล่นว่าวเป็นงานอดิเรก การนำมันขึ้นบินแค่ตัวเดียวก็อาจเป็นเรื่องยากลำบากอยู่แล้ว แต่กับชายชาวจีนชื่อว่าหม่า ชิงหัว (Ma Qinghua) กลับเลือกที่จะทำมากกว่านั้น โดยเขานำว่าวขึ้นพร้อมกันทีเดียวมากถึง 43 ตัวพร้อมกัน ทั้งยังถือสายของว่าวทุกตัวด้วยตัวเองด้วย

ส่วนอีกสถิติหนึ่งเป็นของเด็กชายมัธยมต้นชาวญี่ปุ่น ซึ่งผูกว่าว 15,585 ตัว ไว้กับเชือกเส้นเดียว โดยเว้นระยะห่างตัวละ 28 เซนติเมตร จากนั้นก็นำพวกมันขึ้นบินพร้อมกันในครั้งเดียว 

                การพยายามสร้างสถิติโลกใหม่ ๆ เป็นเรื่องดีอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมันท้าทายให้นักเล่นว่าวและนักพัฒนาว่าวมุ่งมั่นที่จะพัฒนาหลักการ ฝีมือ หรืออุปกรณ์สำหรับว่าวให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ดังนั้นหากใครอยากลองทำลายสถิติเหล่านี้ดูบ้างก็คงไม่เสียหายอะไร  แต่อย่าลืมที่จะสนุกไปกับมันด้วยล่ะ

post

ว่าว สายล่อฟ้าชิ้นแรกของมนุษยชาติ

หลายคนที่เคยเล่นว่าวคงจะรู้ดีว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่ให้ความบันเทิงเริงรมย์ในวันที่ฟ้าแจ่มใส ลมพัดเย็นสบาย โดยเฉพาะในฤดูร้อนและฤดูหนาว แต่คงมีน้อยคงนักที่จะหยิบมันมาเล่นในวันที่ฝนฟ้าคะนอง เพราะนอกจากว่าวจะเปียกจนลอยไม่ขึ้นแล้ว คนเล่นก็อาจถูกฟ้าผ่าจนไหม้เป็นตอตะโกไปเสียก่อน แต่รู้หรือไม่ว่าหนึ่งในการค้นพบครั้งสำคัญของมนุษยชาติเกิดขึ้นเพราะการเล่นว่าวกลางพายุฝน

ว่าวกับการทดลองกลางพายุฝน

                นับตั้งแต่โบราณมนุษย์รู้จักไฟฟ้ามาช้านานจากปรากฏการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะจากการถูกปลาไหลไฟฟ้าช็อต การที่ก้อนอัมพันสามารถดูดวัตถุเล็ก ๆ ได้หลังจากถูกับขนสัตว์ แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะนำสิ่งนี้มาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร จะกักเก็บมันไว้ใช้ได้อย่างไร หรือแม้กระทั่งไฟฟ้าและสายฟ้าที่เกิดขึ้นยามฝนตกเป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่

                ในปีค.ศ. 1752 เบนจามิน แฟรงคลิน (Benjamin Franklin) นักฟิสิกส์ชาวอเมริกาได้ทำการทดลองกักเก็บไฟฟ้า โดยการผูกกุญแจโลหะเข้ากับเชือกว่าวที่ทำจากใยป่านที่เปียกชุ่มกลางสายฝน ในขณะที่แฟรงคลินคอยถือเชือกที่ทำจากใยไหมอยู่ในเพิง แล้วปล่อยให้ว่าวลอยสูงขึ้นไปบนเมฆขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง

                เมื่อกุญแจโลหะซึ่งเป็นตัวนำไฟฟ้าอย่างดีลอยไฟใกล้กับก้อนเมฆซึ่งเต็มไปด้วยประจุไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าก็แล่นลงมาตามเชือกของว่าว จากนั้นก็ถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์กักเก็บไฟฟ้าที่เรียกว่าขวดแก้วไลเดน (Leyden jar)

                การทดลองเล่นว่าวกลางสายฝนนี้เองทำให้แฟรงคลินพิสูจน์ได้ว่าฟ้าผ่าและปรากฏการณ์ทางไฟฟ้าอื่น ๆ เป็นสิ่งเดียวกัน นอกจากนั้นยังนำไปสู่การพัฒนาอุปกรณ์กักเก็บไฟฟ้าต่าง ๆ เช่น แบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า

ว่าวกับอันตรายจากฟ้าผ่า

                แม้ว่าเบนจามิน แฟรงคลินจะรอดจากการเล่นว่าวกลางสายฝนมาได้ เพราะพวกเขาใช้เชือกสองเส้น แต่ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเท่าไหร่หากใครจะนึกสนุกอยากลองเล่นว่าวกลางสายฝนเหมือนกับเขาบ้าง

                ฟ้าผ่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดเมื่อละอองน้ำในก้อนเมฆชนกันไปมา แล้วปลดปล่อยประจุลบหรืออิเล็กตรอนออกมา เมื่อประจุดังกล่าวสะสมเพิ่มขึ้นจนมีจำนวนมาก ซึ่งมักเกิดขึ้นเวลามีพายุฝนฟ้าคะนอง ประจุลบเหล่านี้ก็มักวิ่งเข้าหาประจุบวก ซึ่งมีอยู่มหาศาลบนพื้นดิน เกิดเป็นปรากฏการณ์ฟ้าผ่า

แต่ประจุลบเหล่านี้ก็ชอบที่จะวิ่งเข้าหาประจุบวกที่อยู่ใกล้มากกว่าประจุบวกที่อยู่ไกล ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดฟ้าผ่าใส่วัตถุที่อยู่สูงหรือมียอดแหลม เช่น ต้นไม้ใหญ่ หรือยอดตึกสูงจึงมีมากกว่า ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงว่าวซึ่งลอยสูงเสียดฟ้าว่ามีโอกาสถูกฟ้าผ่าสูงขนาดไหน

                จากสถิติในประเทศไทยมีผู้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงจากการถูกฟ้าผ่าตั้งแต่ปีพ.ศ.2554-2558 สูงถึง 154 คน เสียชีวิตสูงถึง 38 คน แม้จะดูเหมือนเป็นตัวเลขที่ไม่มาก แต่ก็บอกได้ว่าอันตรายจากฟ้าผ่ามีมากแค่ไหน ดังนั้นสำหรับคนที่ชื่นชอบการเล่นว่าวแล้ว ควรจะระมัดระวังให้ดี อย่าได้ริลองเล่นว่าวเวลาฝนตกเป็นอันขาดเชียว