post

บันทึกการใช้ว่าวแบบแปลก ๆ  ในประวัติศาสตร์

ในประวัติศาสตร์ ว่าวไม่ได้ใช้เพียงแค่เป็นกิจกรรมเพื่อความบันเทิงหรือเป็นของเล่นสำหรับฆ่าเวลาในวันที่อากาศสดชื่นแจ่มใสเท่านั้น แต่มีการค้นพบบันทึกที่ระบุว่าผู้คนในอดีตสามารถใช้ว่าวเพื่อจุดประสงค์ที่ไม่น่าเชื่อและคาดไม่ถึงในรูปแบบต่าง ๆ มีอะไรบ้างมาดูกันเลย

ใช้ว่าวในการสังหารนักโทษ

มนุษย์เรามีความฝันว่าอยากจะบินออกไปอย่างมีอิสระเสรีแบบนกมาตั้งแต่จำความได้ จริง ๆ แล้วมีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่านักเผด็จการ Gao Yang หรืออีกชื่อหนึ่งคือจักรพรรดิ์ Wen Xuan จากราชวงศ์ฉีเหนือ บอกเอาไว้ว่าจักรพรรดิ์ Wen Xuan มีความสุขกับการปลดปล่อยนักโทษให้โบยบินออกไปจากบนหอคอย และผูกพรมที่ทำจากไม้ไผ่เอาไว้ที่ข้อมือทั้งสองข้างของนักโทษ เหมือนกับว่าว

แน่นอนว่านักโทษเหล่านั้นร่วงลงมาจากหอคอยและตายระหว่างที่จักรพรรดิ์ Wen Xuan กำลังเฝ้าดูและหัวเราะอย่างมีความสุข โดยที่เรียกการสังหารนักโทษแบบนี้ว่า การปลดปล่อยสิ่งมีชีวิตให้เป็นอิสระ

ต่อมาในปี ค.ศ. 1044 มีการบันทึกว่านักโทษที่ถูกสังหารโดยการถูกผูกติดกับว่าวและกระโดดจากหอคอยทั้งหมดเสียชีวิต ยกเว้นองค์ชายจากราชวงศ์เว่ยเหนือที่สามารถร่อนลงพื้นได้สำเร็จเพราะใช้ว่าวที่เลียนแบบรูปทรงมาจากนกฮูก แต่สุดท้ายเขาก็ถูกสังหารโดยการปล่อยให้หิวตายอยู่ดี

ใช้ว่าวในการโจรกรรมและก่อสร้าง

หัวขโมยที่อาศัยในยุคกลางของญี่ปุ่นชื่อ Ishikawa Goemon ใช้ว่าวยกตัวเองให้ลอยขึ้นไปเพื่อขโมยรูปปั้นทองคำบนยอดปราสาท Nagoya และอีก 2 ศตวรรษต่อมา สถาปนิกชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ Kawamura Zuiken ใช้ว่าวช่วยยกคนงานขึ้นระหว่างการก่อสร้างตึก

ใช้ว่าวเทียมแทนรถม้า

ในปี ค.ศ. 1890 นักประดิษฐ์ชาวอังกฤษ George Pocock ได้ออกแบบรถม้าที่มีว่าวช่วยทำให้รถม้าเคลื่อนตัวได้แทนการเทียมม้า เรียกว่า harvolant และเขายังใช้ว่าวเพื่อช่วยยกคนงานก่อสร้างให้ขึ้นไปบนยอดหน้าผาที่ไม่สามารถปีนขึ้นไปได้อีกด้วย

ใช้ว่าวช่วยยกมนุษย์ให้ลอยขึ้นไปเพื่อทำการสอดแนมทางการทหาร

ในปี ค.ศ. 1890 กัปตัน B.F.S Baden-Powell ได้ออกแบบว่าวที่จะช่วยให้มนุษย์สามารถบินได้มีชื่อเรียกว่า Levitor ไว้สำหรับใช้สอดแนมทางการทหาร โดยว่าวของเขาเป็นรูปหกเหลี่ยมที่สามารถยกผู้ชายขึ้นไปได้สูงเหนือพื้นถึง 15.25 เมตร ซึ่งถือว่าเขาประสบความสำเร็จในการสร้างว่าวเพื่อช่วยยกมนุษย์ให้ลอยขึ้นไปได้ราวกับนก ว่าวของ กัปตัน B.F.S Baden-Powell ถูกส่งไปยังแอฟริกาใต้เพื่อใช้ในสงคราม Boer แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครได้บินขึ้นไปกับว่าวของเขาเพราะเมื่อเรือขนส่งสินค้าไปถึงที่แอฟริกาใต้ สงครามก็จบลงพอดี

นอกจากว่าวจะเป็นของเล่นเพื่อความบันเทิงของคนในอดีตและปัจจุบันแล้ว ยังมีส่วนในการสร้างแรงบันดาลใจ และถูกต่อยอดมาเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ทำความฝันที่อยากจะบินลอยสูงขึ้นบนท้องฟ้าของมวลมนุษย์ชาติให้สำเร็จ ยกตัวอย่างเช่น เครื่องบินและบอลลูน เป็นต้น

post

ประวัติความเป็นมาของว่าวจากทั่วโลก

ว่าวมีต้นกำเนิดมาอย่างยาวนานกว่าเครื่องบินเครื่องแรกของโลกมากมายนัก ไม่มีกำหนดแน่ชัดว่าว่าวเกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยใด จริง ๆ แล้วมีเรื่องเล่าว่าว่าวกำเนิดครั้งแรกในประเทศจีนเป็นระยะเวลากว่า 2,000 ปีแล้ว โดยเริ่มจากพฤติกรรมของชาวบ้านที่ผูกเชือกเอาไว้กับหมวกเพื่อกันหมวกปลิวหายไปจากแรงลม

มีการค้นพบเรื่องราวของว่าวที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์เกือบ 200 ปีก่อนคริสตกาล ในยุคของนายพล หาน ซิ่น แห่งราชวงศ์ฮั่นได้มีการใช้ว่าวบินเข้าไปในดินแดนของศัตรูเพื่อวัดว่าทหารของเขาต้องขุดอุโมงค์อีกลึกเพียงใดกว่าจะผ่านแนวป้องกันของศัตรูได้ จากนั่นการใช้ว่าวก็ได้แพร่เข้าไปในประเทศเกาหลี ข้ามผ่านทวีปเอเชียไปยังประเทศอินเดีย แน่นอนว่าระหว่างนั้นว่าวก็ได้มีการพัฒนาการรูปแบบให้เข้ากับวัฒนธรรมและประเพณีของดินแดนนั้น ๆ

ในยุคของราชวงศ์ชิลลาแห่งเกาหลี นายพลกิม ยูซิน ถูกมอบหมายให้ออกไปปราบกบฏหัวรุนแรง แต่ในระหว่างที่เดินทัพไป ได้เกิดปรากฏการณ์ดาวตกขึ้น ทำให้ทหารเสียขวัญไม่กล้าออกรบ นายพลกิม ยูซิน จึงได้จุดลูกไฟให้ลอยขึ้นไปกับว่าวเหมือนดาวตกนั้นย้ายขึ้นกลับสวรรค์ไป ทำให้ทหารกลับมามีกำลังใจและสามารถปราบกบฏได้สำเร็จในที่สุด

ประวัติศาตร์ของว่าวถูกบันทึกไว้หลังจากนั้นในประเทศญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 7 โดยพระชาวญี่ปุ่นได้ใช้ว่าวเพื่อขับไล่วิญญาณร้ายและช่วยให้พืชผลทางการเกษตรงอกงาม นอกจากนั้นยังมีเรื่องเล่าว่าเมื่อ 300 ปีก่อน มีโจรคนหนึ่งป่าวประกาศว่าเขาได้ผูกตัวเองไว้กับว่าวเพื่อปีนขึ้นไปบนปราสาทนาโกย่า และขโมยรูปปั้นทองคำที่ตั้งอยู่บนหลังคาปราสาท โจรคนนั้นขโมยทองมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นและโดนจับได้หลังจากที่คุยโวแผนการขโมยไปทั่ว จากนั้นว่าวก็เป็นกิจกรรมฆ่าเวลาที่นิยมอย่างมากในหมูชาวบ้านในยุคเอโดะ

หลักฐานล่าสุดในประวัติศาสตร์ของว่าวในอินเดียก็คือรูปวาดเล็ก ๆ ที่หลงเหลือมาจากจักรวรรดิโมกุล โดยรูปภาพเหล่านั้นได้บอกเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ใช้ว่าวในการส่งข้อความหาคนรักที่ถูกกักเอาไว้ไม่ให้พบโลกภายนอก นอกจากนั้นยังมีเรื่องราวอีกมากมายของคนจากเกาะไมโครนีเซียในหมู่เกาะแปซิฟิกที่มีการใช้ว่าวทำจากใบไม้เพื่อส่งเหยื่อออกไปในแม่น้ำเพื่อล่อปลาการ์ให้กินเหยื่อ ส่วนชาวบ้านในเกาะพอลินีเชียก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเทพเจ้าสองพี่น้องที่แข่งเล่นว่าวกัน เทพที่ชนะคือเทพที่ทำให้ว่าวลอยไปสูงที่สุด ในปัจจุบันกลายเป็นการแข่งขันหนึ่งของชาวพอลินีเชียเพื่ออุทิศให้แก่เทพเจ้าตามตำนานด้วย

ว่าวได้เข้ามาในยุโรปในศตวรรษที่ 13 โดยมาร์โค โปโล ภาพของเขาแสดงถึงว่าวรูปมังกรบนธงของทหาร รวมถึงมีกะลาสีเรือที่นำว่าวกลับมาจากญี่ปุ่นและมาเลเซียในช่วงศตวรรษที่ 16 และ 17 จึงไม่แปลกใจเลยที่ว่าวจะแฝงในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของแต่ละดินแดนทั่วโลก และยังเป็นกิจกรรมที่แสนสนุกสนานมาจนจวบปัจจุบัน

post

วันหนึ่งว่าวไทยอาจจะเป็นเครื่องมือสำหรับช่วยแพทย์ในการรักษาคนไข้

ทุกวันนี้การรักษาคนไข้ของแพทย์ได้นำอุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันเข้ามาเป็นตัวช่วย เพื่อให้ผู้ป่วยได้สามารถใช้ในการบำบัดโรคของตนเองได้จากที่บ้าน หรือเป็นการบำบัดเองได้โดยไม่ต้องพึ่งแพทย์มากไป อย่างเช่นการใช้ขวดน้ำที่ไม่ได้ใช้แล้วนำมาใส่น้ำ สามารถถ่วงน้ำหนักเพื่อเป็นการกายภาพสำหรับผู้ป่วยที่เพิ่งหายจากอาการแขนหักและใส่เฝือกนาน ๆ ทำให้กล้ามเนื้อที่ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานได้ฟื้นตัว หรือการใช้ลูกลอกที่ใช้เป็นเครื่องมือช่าง แต่มาประยุกต์ใช้กับผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ที่ต้องการฟื้นตัวเร็วแต่ไม่มีเวลามาทำกายภาพที่โรงพยาบาลหรือมีทุนทรัพย์น้อย โดยนำลูกลอกมาแขวนแล้วร้อยเชือก เพื่อใช้ในการดึงซ้ายขวาฝึกการเคลื่อนไหวของแขนหรือขา และเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่อ่อนแรงไปในตัว แถมยังเป็นอุปกรณ์ที่ลงทุนต่ำและไม่ต้องเดินทางให้เสียค่าใช้จ่าย ประหยัดเงินและฝึกได้โดยไม่ต้องมีข้อจำกัดทางด้านเวลา และยังมีอุปกรณ์อีกหลายอย่างในชีวิตประจำวันที่สามารถช่วยในการแบ่งเบาภาระของแพทย์และคนไข้ได้ เราลองมาดูว่าวไทยสามารถช่วยแพทย์และคนไข้ได้อย่างไรบ้าง

วิธีการเล่นว่าวแบบใดที่ช่วยแบ่งเบาภาระของคุณยามป่วย

ยังไม่มีการวิจัยแน่นอนว่าการเล่นว่าวไทยจะสามารถบำบัดหรือช่วยผู้ป่วย หรือผู้ที่มีความผิดปกติทางร่างกายได้ แต่ด้วยวิธีของการเล่นว่าวมีแนวโน้มที่อาจจะช่วยในการบำบัดได้ อย่างที่ทุกคนรู้ว่าการเล่นว่าวแน่นอนกต้องมีเชือกว่าวหรือป่าน ที่จะทำการชักและบังคับว่าให้ลอยอยู่ในท้องฟ้า โดยมีการดึงและแรงดึงของลม และการทำว่าวขึ้นมาตัวนึงก็เช่นเดียวกัน เราจะเริ่มจากการทำว่าว ว่าวต้องเริ่มจากการเหลาโครงว่าวจากไม้ไผ่ ถ้าเรามีเด็กที่สมาธิสั้นหรือออทิสติก เด็กเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นเด็กที่มีสมาธิสั้น เราสามารถให้พวกเค้าฝึกการมีสมาธิจากการทำว่าวโดยการเริ่มจากการฝึกเหลาไม้ไผ่ที่จะขึ้นโครงว่าว เพราะการเหลาจะต้องใช้เวลาและความละเอียดอ่อนในการจดจ่ออยู่กับการทำ กว่าจะทำว่าวขึ้นมาได้หนึ่งตัวต้องใช้สมาธิและความอดทน จึงทำให้เด็กเหล่านั้นฝึกสมาธิไปในตัวและถ้าทำเสร็จก็จะเพิ่มความภูมิใจให้กับพวกเค้าด้วย ส่วนขั้นตอนการเล่นเมื่อเราสามารถชักว่าวให้ขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้ว แน่นอนแรงดึงของลมที่ปะทะกับตัวว่าวจะมีแรงต้าน ก็อาจจะเหมาะกับผู้ป่วยที่ต้องการฝึกกำลังแขนจากการฟื้นตัวจากการบาดเจ็บหรืออัมพฤกษ์อัมพาตได้ เราอาจจะเริ่มจากว่าวขนาดเล็กก่อนกินลมน้อยแล้วค่อย ๆ เพิ่มขนาดให้ผู้ป่วยจะได้มีการกินลมของว่าวเยอะขึ้น มีแรงดึงเยอะขึ้นตามลำดับ ว่าวไทยมีประโยชน์มากมายถ้าคุณประยุกต์ใช้อย่างถูกวิธี

 

post

การทำเงินจากภูมิปัญญาการทำว่าวไทย

อย่างที่รู้กันดี สภาพเศรษฐกิจทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจในประเทศเราเอง หรือเศรษฐกิจของโลกค่อนข้างซบเซา การค้าขายในประเทศเองมีแต่ทรุดกับทรงตัว บริษัทห้างร้านต่าง ๆ ปิดตัวลงก็มาก หรือถ้าปรับตัวได้ทันกับสภาพเศรษฐกิจก็ต้องลดขนาดธุรกิจของตัวเองลง โดยการปลดคนงานลง ทำให้หลายคนที่ตกงานก็ออกมามองหาธุรกิจที่ตัวเองสามารถจะทำได้แต่ถ้าคุณไม่สามารถจะหาธุรกิจที่จะทำได้

ขอแนะนำเริ่มจากการมองรอบข้างหรือรอบบ้านตัวเองหรือชุมชนตัวเองว่าเราสามารถทำอะไรได้ และอาจจะเป็นของหรือสินค้าอะไรที่ชุมชนของตัวเองผลิตขึ้นเอง ยิ่งมีแรงสนับสนุนจากหน่วยรัฐบาลกับการผลิตสินค้าในชุมชนของตัวเองด้วยแล้ว ลู่ทางโดยการทำธุรกิจผลิตภัณฑ์ของชุมชนหรือที่เรียกว่าสินค้า OTOP ยิ่งไปไกล ไม่ว่าจะเป็นการหาตลาดในประเทศให้เราโดยรัฐ โดยการจัดงานของรัฐเพื่อส่งเสริมสินถ้าเกษตรและสินค้าท้องถิ่น หรือจะเป็นการหาตลาดต่างประเทศของกรมส่งเสริมการส่งออกให้กับพ่อค้าแม่ค้าชุมชน แล้วทำไมว่าวถึงสามารถทำเงินได้

เอกลักษณ์ของว่าวไทยทำเงินได้และไปไกลต่างแดน

ว่าวและเงินจะไปด้วยกัน ทุกวันนี้จะมีสักกี่คนที่รู้วิธีทำว่าวไทย สิ่งนี้แหละคือความได้เปรียบถ้าคุณอยากจะประกอบธุรกิจอะไรซักอย่างที่ไม่เหมือนใคร ลงทุนต่ำและได้กำไรงาม เพราะการทำว่าวไทยใช้แค่วัสดุที่หาง่ายในชุมชนนั่นคือ ต้นไผ่ เพียงแค่คุณมีไม้ไผ่กับมีดเหลาคุณก็เริ่มธุรกิจของคุณได้แล้ว ยิ่งถ้าคุณทำให้ว่าวมีเอกลักษณ์มากแค่ไหนคุณก็สามารถขายในท้องตลาดได้ราคามากขึ้นเท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็นการนำว่าวไปตกแต่งบ้าน หรือร้านแทนของตกแต่ง หรือจะเป็นการนำไปสะสมสำหรับคนที่ชอบว่าวแต่ไม่สามารถทำเองได้ อีกอย่างเอกลักษณ์ว่าวไทย ไม่ว่าจะเป็นว่าวของพื้นที่ไหนหรือภาคไหนยังไงก็มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยในตัวของมันเองอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ ลายเส้น สีสัน และยังเป็นการใช้กระดาษว่าวหรือกระดาษสาอยู่ ทำให้ว่าวไทยแตกต่างจากว่าวของต่างชาติที่ใช้ผ้าร่ม และรูปแบบที่เหมือนกันไปหมด ทำให้ความนิยมของว่าวไทยเมื่อชาวต่างชาติได้พบเห็นนิยมที่จะซื้อหามาไว้เป็นของตัวเอง เพื่อการเล่นที่แปลกใหม่ไม่เหมือนกับการเล่นว่าวของต่างชาติเอง ขึ้นยากกว่า ท้าทายกว่า หรือจะเป็นของสะสมหรือของตกแต่งบ้านก็ได้

แล้วคุณจะรออะไร แค่คุณมีความตั้งใจ ความอดทน ความคิดสร้างสรรค์ โดยคุณแทบจะไม่ต้องลงทุนอะไรเลยคุณก็สามารถมีธุรกิจเป็นของตัวเอง โดยทำรายได้ไม่แพ้กับการทำธุรกิจอื่นด้วยซ้ำ อีกประการคือคุณยังเป็นคนที่ช่วยอนุรักษ์ว่าวไทยให้คงอยู่ในแผ่นดินนี้อีกด้วย

 

post

เหตุผลของความชอบในการเล่นว่าวไทย

คุณเองก็ต้องเติบโตมากับความฝันในวัยเด็ก ทุกคนก็จะมีความฝันตามจินตนาการและประสบการณ์ที่พบเจอ ไม่ว่าจะเป็นในโทรทัศน์ รับฟังผ่านสถานีวิทยุ ผ่านเพลง พ่อแม่พี่น้องหรือญาติผู้ใหญ่ที่คอยปลูกฝังให้เราเป็นอย่างนู้นเป็นอย่างนี้ที่เค้าคิดว่าดีและมีอนาคตที่สดใส หารู้ไม่ว่าบางทีอาจจะเป็นการกดดันทางกระบวนการความคิด ที่จะส่งผลต่ออาชีพการงานในอนาคตได้ แต่อย่างไรก็ตามไม่ใช่ปัจจัยอย่างเดียวที่จะส่งผลให้กระบวนการความคิดที่สร้างสรรค์ในวัยเด็ก จะโน้มเอียงไปในทิศทางนั้น ๆ ทั้งหมด เด็กแต่ละคนก็จะมีความคิดโลดแล่นไปตามอายุและสมองที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ วัน

วันนี้อาจจะคิดว่าอยากจะสร้างยานอวกาศเพราะพึ่งดูหนังเกี่ยวกับอวกาศมา บางวันอาจจะอยากเป็นนักบิน หรือหมอ ตำรวจ ทหาร ตามสิ่งที่พบเจอล้อมข้าง แต่ก็มีของเล่นอีกอย่างหนึ่งที่ผู้ใหญ่ก็เล่นได้ เด็กก็เล่นได้ นั้นคือ ว่าวไทย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์ว่าวที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง หรือได้โบยบินไปในอากาศเหมือนนก หรือความท้าทายที่จะสามารถทำกระดาษกับโครงไม้ไผ่ให้สามารถบินสู่ท้องฟ้าได้

ขั้นตอนการผลิตเป็นอีกอย่างที่ท้าทายในการเล่นว่าวไทย

แน่นอนความท้าทายของการที่จะทำไม้ไผ่กับกระดาษบาง ๆ และเชือก มาประกอบกันและทำให้มันลอยในอากาศได้โดยสามารถบังคับมันได้ตามที่เราต้องการจะให้มันไป เริ่มตั้งแต่หาไม้ไผ่มาในการทำไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณจะหาไม้ไผ่ที่มีอายุและเหมาะสมกับการนำมาเหลาทำโครงว่าว คุณต้องศึกษาหรือลองผิดลองถูกกว่าจะได้ไม้ไผ่มาขึ้นโครง เพื่อให้ว่าวของคุณขึ้นสู่ท้องฟ้าและอ่อนตัวรับลมและกินลมโบยบินในอากาศได้เป็นอย่างดี ขั้นตอนต่อมาคือการหากระดาษและมาทำลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของว่าวตัวเอง เพื่อให้ว่าวที่ทำขึ้นโดดเด่นกว่าคนอื่น และสวยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในความสวยงามนั้นก็ต้องทนทานอีกด้วย มันคืองานที่ท้าทายอีกอย่างหนึ่งของการทำว่าว เมื่อคุณได้โบยบินในอากาศโดยสร้างสรรค์ว่าวของคุณเองแล้ว

สำหรับเด็กมันเป็นความภูมิใจและสำเร็จขั้นแรก แต่ถ้าเราพูดถึงขั้นตอนไปถ้าคุณยังมีความชอบกับว่าวไทยอยู่คือ การที่ได้เข้าแข่งขันที่มีผู้คนมากมาย ล้วนแล้วแต่มีความสามารถในเรื่องการบังคับว่าว และการทำว่าวประเภทต่าง ๆ นี่ก็เป็นเหตุผลอีกอย่างที่ว่าวไทยไม่เคยเลือนหายไปจากคนไทยเลย มันคือความท้าทาย ความคิดสร้างสรรค์ การใช้สมาธิปัญญา เพื่อจะให้ทุกคนก้าวไปสู่ความสำเร็จขั้นต่อ ๆ ไปในอนาคตได้ ว่าวไทยจะไม่เลือนหายจากคนไทย ถ้าคนไทยไม่ลืมความเป็นรากเง้าของตัวเอง

 

post

สมาธิเด็กไทยเกิดได้จากภูมิปัญญาการทำว่าว

ของเล่นเด็กทุกวันนี้ไม่ใช่แค่ของเล่นอีกแล้ว เพราะการแข่งขันของธุรกิจของเล่นเด็กในปัจจุบันมีการแข่งขันสูง ทั้งในตลาดเมืองไทยและตลาดโลก การที่แต่ละค่ายหรือแต่ละบริษัทที่ผลิตของเล่นออกมาขายตามท้องตลาด ต้องมีการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ของเล่นเป็นที่ถูกใจเด็กในแต่ละวัย ฝ่ายวิจัยของแต่ละบริษัทเมื่อผลิตสินค้าออกมาแล้ว ถึงขั้นต้องมีการทดลองใช้ของผู้บริโภคก่อน นั่นคือเด็กเพื่อทดสอบว่าไม่ว่าจะเป็นสีสันหรือตัวชิ้นของของเล่นเอง ลึกไปกว่านั้นการทำจะทำของเล่นออกมาแต่ละชิ้นต้องมีฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย ต้องทำงานร่วมกับฝ่ายวิจัยโดยนำข้อมูลที่ได้มาเพื่อเข้ากระบวนการวิเคราะห์และนำมาพัฒนาเพื่อคิดชิ้นงาน ไม่ว่าจะเป็นสีที่จะใส่เข้าไปในชิ้นงานต้องไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก และของเล่นเองไม่ใช่แค่สนุกเพลิดเพลินอย่างเดียว แต่ต้องสามารถที่จะพัฒนาสมอง ฝึกการตัดสินใจและพัฒนาสติปัญญาในเรื่องความคิดและวิเคราะห์อีกด้วย

และอีกอย่างที่สำคัญคือ การฝึกสมาธิการที่จะทำของเล่นขึ้นมา ต้องเพิ่มทักษะเรื่องสมาธิให้เด็กด้วย แล้วของเล่นสมัยโบราณละจะสามารถสู้กับของเล่นในปัจจุบันที่มีการทำวิจัยและพัฒนาได้หรือไม่ แต่มีอย่างนึงที่เป็นภูมิปัญญาไทยในสมัยโบราณที่สามารถฝึกสมอง ความคิดสร้างสรรค์และสมาธิ คือว่าว

ว่าวไทยไม่แพ้ของเล่นในตลาดโลกอย่างแน่นอน

ว่าว ก็เป็นของเล่นชนิดหนึ่งของเด็กสมัยโบราณจนมาถึงสมัยปัจจุบัน แต่มันอาจจะห่างหายไปบ้างตามกาลเวลาเพราะโลกที่เปลี่ยนไป วิวัฒนาการที่ดีขึ้นของโลกปัจจุบัน ทำให้ของเล่นมากมายในตลาด แต่เราจะกล่าวถึงว่าวไทยตั้งแต่เด็ก ๆ คิดจะเล่น เป็นของเล่นที่ฝึกสมาธิเด็กตั้งแต่การเริ่มทำ ต้องหาไม้ไผ่ที่เหมาะสมเพื่อนำมาเหลาและขึ้นโครงว่าว โดยการเหลาต้องใช้ความอดทนและประณีตไล่ระดับความหนาบางตามว่าวชนิดต่าง ๆ ทำให้ต้องใช้เวลาและฝึกความอดทนและสมาธิไปด้วยในตัว ส่วนจะทำว่าวในลวดลายแบบไหนนั้น คือ การที่ฝึกให้เด็กคิดและสร้างสรรค์เพื่อให้มีรูปแบบและสีสันเป็นของตัวเองโดยไม่ซ้ำกับเพื่อน และให้สวยกว่าคนอื่นในแบบของตัวเอง และพอได้กระดาษและรูปแบบแล้ว การขึงสักก็มีประโยชน์อีกขั้นตอนหนึ่งที่ให้ประโยชน์กับขั้นตอนการทำว่าว การขึงสักคือการที่ให้เชือกว่ามาขึง เพื่อให้กระดาษมีความทำทานขึ้นโดยมีรูปแบบต่างกันไปตามว่าว และต้องใช้ความพยายามและละเอียดอ่อนในการขึง การแบ่งช่องไฟให้เท่ากันในการขึงสัก นี่คือขั้นตอนการทำแบบคร่าว ๆ ของว่าวไทย ที่มีประโยชน์ และพัฒนาสมอง พัฒนาสติปัญญา สมาธิ ความอดทน ว่าวไทยของเล่นโบราณที่ไม่โบราณกับภูมิปัญญาไทย

 

post

หางของว่าวมีประโยชน์และสำคัญกับว่าวขนาดไหน


“หางว่าว” เป็นส่วนที่อยู่ล่างสุดของตัวว่าว และจะมีความยาวหรือความเหมาะสมแตกต่างกันตามรูปทรง และประเภทของตัวว่าวนั้น ๆ เราคงเคยได้เห็นว่าวที่บางตัวก็มีหางยาวมากหลาย ๆ เมตร แต่ว่าวบางชนิดก็ไม่มีหางเอาเสียเลย  หางว่าวจะมีรูปทรงที่หลากหลายอีกเช่นกัน ทั้งนี้ก็จะสอดคล้องไปกับตัวของว่าวเอง อย่างว่าวงูก็จะมีหางต่อออกมายาวมาก เป็นลายเดียวกัน หรือลายใกล้เคียงกับตัวว่าว และหางของว่าวงูถือเป็นเสน่ห์พิเศษของว่าวชนิดนี้ก็ว่าได้ ว่าวบางตัวก็จะมีหางเป็นริ้ว ๆ หลาย ๆ เส้น ติดอยู่ส่วนปลาย แต่บางชนิดก็จะมีหางเป็นพู่ติดอยู่ที่บริเวณปีก

ในปัจจุบันมีผู้นิยมใช้การต่อหางว่าว ซึ่งมีทั้งหางแบบแบนและหางแบบหลอดที่เรียกกันเอง ซึ่งหางว่าวก็จะมีทั้งแบบไม่มีเสียง และหางว่าวบางชนิดมีเสียงให้ได้ยินเป็นเอกลักษณ์ และหางบางชนิดเสียงที่เปล่งให้ได้ยินนั้นดังสนั่นลั่นทุ่งมากอีกด้วย แต่ว่าวบางชนิดไม่มีส่วนท้าย ที่จะติดหางก็จะทำเป็นสามเหลี่ยมห้อยลงมาด้านล่างของตัวว่าว อย่างว่าวพาราฟอยล์ ที่ไม่มีโครง ในบางครั้งก็จะทำหางห้อยติดกับตัวเชือกว่าวโดยไม่ได้ติดในส่วนของตัวว่าวเลย เป็นการห้อยแยกออกมาจากตัวของว่าวนั่นเอง

ประโยชน์ของหางว่าว

การที่ว่าวมีหางนั้นมันมีประโยชน์ซ่อนกันอยู่หลายอย่าง เช่น การมีหางไว้เพื่อเพิ่มความสวยงาม เป็นเสน่ห์ให้กับตัวของว่าวเอง หรือการมีหางที่บ่งบอกถึงความเหมือนในการเลียนแบบรูปลักษณะ อย่างเช่นว่าวงู ที่จะเห็นหางยาว ฉวัดเฉวียง เหมือนงูอย่างชัดเจน อีกทั้งหางยังเป็นส่วนที่ช่วยในการผยุงตัวและทิศทางให้กับผู้เล่นว่าว ให้สามารถบังคับทิศทางตามที่ต้องการ และไม่ทำให้ว่าวตกได้ง่าย ๆ บางทีหางว่าวก็ยังเป็นตัวที่โชว์ลีลาบนอากาศได้อย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อเวลาว่าวเล่นท่าควงสว่าน หรือโยกย้ายส่ายไปมาดูแล้วเพลินตายิ่งนัก หางว่าวบางชนิดถูกติดไว้เพื่อให้มันทำการส่งเสียง เรียกร้องความสนใจจากผู้เล่นและผู้ชมที่อยู่รอบด้าน และบางทียังเป็นการข่มขวัญคู่ต่อสู้ในกรณีที่มีการแข่งขันว่าวอีกด้วย ส่วนหางว่าวที่ไม่ได้ติดอยู่ในส่วนปลาย แต่ติดเป็นพู่อยู่บริเวณส่วนปีกนั้น ก็เป็นการมีส่วนช่วยในการรักษาสมดุลของระหว่างปีกซ้ายและปีกขวา ในขณะเวลาที่มันร่อนหรือลอยโชว์ความสง่างามของพวกมันอยู่บนอากาศได้อย่างสงบนิ่ง มีเพียงพู่ห่างที่พริ้วไหว ดูช่างสวยงามและสบายอารมณ์เสียจริง

จะเห็นว่าที่จริงแล้วหางว่าวทำประโยชน์ได้หลายต่อหลายอย่าง และเป็นส่วนที่ขาดไม่ได้สำหรับว่าวบางชนิดอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันก็มีการประยุกต์ใช้เทคนิคที่ทันสมัยขึ้น ซึ่งทำให้ได้ทั้งความทนทาน และความสวยงามไปพร้อม ๆ กัน

 

post

ความเชื่อกับว่าวที่ผูกพันธ์กันมาแสนนานของนานาประเทศ


ประเทศจีนเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีอารยธรรมเกี่ยวกับเรื่องว่าวมายาวนาน  ทำให้จีนเป็นอีกประเทศที่มีการจัดเทศกาลว่าวนานาชาติขึ้นอยู่เสมอ ชาวจีนมีความเชื่อเรื่องลวดลายที่แสดงออกบนตัวว่าวอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นความหมายทางการอวยพรให้มีความสุข หรือการปกปักษ์รักษาคุ้มครอง ที่เขียนลวดลายเป็นประเภทสัตว์ เช่น เหยี่ยว หงส์ ปลาทอง และอื่น ๆ ส่วนอีกประเภทคือ บุคคลในความเชื่อแห่งทวยเทพทั้งหลาย เช่น เห้งเจีย นางฟ้า เป็นต้น และอีกหนึ่งความเชื่อของชาวจีนกับเรื่องว่าวก็คือ เมื่อมีเด็กเกิดขึ้นมา ชาวจีนบางกลุ่มมักจะชักว่าวขึ้นสู่ท้องฟ้า เพราะเชื่อว่าเด็กคือวิญญาณที่ล่องลอยมาเกิด เหมือนว่าวที่ลอยไปลอยมา เพื่อถือเคล็ดความเชื่อให้เกิดสิริมงคล

ความเชื่อเรื่องว่าวของชาวไทย

คนไทยเห็นว่าวมาตั้งแต่เด็ก ๆ กันทั้งนั้น ทำให้รู้สึกผูกพันธ์ ยิ่งตามต่างจังหวัดห่างไกลก็จะมีประเพณีมีความเชื่อแบ่งแยกกันไปตามภูมิภาค และอีกหนึ่งความเชื่อที่ก็มักพบกันบ่อย ๆ ในสังคมชาวไทย คือการใช้ว่าวแก้บน ซึ่งความเชื่อนี้ทำให้ก่อเกิดธุรกิจการทำว่าวแก้บนกันอย่างคึกคัก มีผู้คนนิยมนำว่าวไปแก้บนให้กับหลวงพอเกสร วัดท่าพระ โดยผู้คนมักไปบนเกี่ยวกับการขอให้หายเจ็บไข้ได้ป่วย ว่าวที่ใช้แก้บนก็มักนิยมเป็นว่าวจุฬา กับ ว่าวปักเป้า ซึ่งความเชื่อนี้มีมาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว

ความเชื่อเรื่องว่าวของชาวญี่ปุ่น

ชาวญี่ปุ่นมักมีความเชื่อในเรื่องของการสักการะเทพเจ้า โดยเชื่อว่าว่าวจะเป็นสิ่งที่นำพาพวกเค้าได้ให้ใกล้ชิดกับเทพที่ตนเคารพนับถือที่เชื่อว่าอยู่บนท้องฟ้า ในสมัยที่ผ่านมาการที่มีว่าวลอยอยู่บนท้องฟ้าหมายถึงความเจริญรุ่งเรือง กิจการเติบโต และเป็นการนำโชคให้กับผู้นั้น นอกจากนี้ยังมีการจัดเทศกาลเพื่อเป็นการขอพรให้ลูกหลานเจริญเติบโต ปลอดภัย แข็งแรง อีกด้วย

ทั้งนี้ไม่ว่าว่าวจะเป็นความเชื่อของชนชาติใดก็ตาม แต่เสน่ห์ของว่าวคือการทำให้ผู้คนมีความสุข แสดงถึงความเป็นอยู่อย่างร่มเย็น เมื่อมีความสุขเมื่อสบายใจก็จะมีโอกาสได้เล่นว่าว ได้ทำกิจกรรมของครอบครัวกันนั่นเอง แต่ทั้งนี้การเล่นว่าวก็ต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะไม่เช่นนั้นจากความสุขก็จะกลายเป็นความทุกข์ต่าง ๆ ขึ้นได้ ดังนั้นการเลือกสถานที่เล่นว่าวจึงเป็นสิ่งจำเป็น การเล่นว่าวควรเล่นอย่างปลอดภัยทั้งต่อตนเองและผู้อื่นด้วย อาทิเช่น การไม่เล่นว่าวในขณะที่มีฝนตกเพราะอาจจะเป็นสื่อนำไฟฟ้า ทำให้เกิดฟ้าผ่าลงมาได้,  การไม่เล่นว่าวในบริเวณที่มีสายไฟฟ้า เพราะอาจเกิดอันตรายจากกระแสไฟฟ้าไหลผ่านหากส่วนหนึ่งส่วนใดของว่าวไปพาดโดน, การไม่เล่นว่าวในสถานที่ที่ไม่ควร เช่น บริเวณติดถนนมีรถผ่านสัญจรไปมา สนามบิน สนามเด็กเล่น สถานที่ที่ต้องการความเงียบสงบ เป็นต้น หากต้องเล่นว่าวเพื่อโชว์ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก ควรกั้นแบ่งเขตบริเวณการแสดงให้ห่างจากผู้คนอย่างชัดเจน

 

post

มาใส่ใจกับการเก็บเชือกว่าวด้วยอุปกรณ์การเก็บเชือกกันเถอะ


การเก็บเชือกว่าวให้เป็นระเบียบถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการใช้งานครั้งต่อไป หรือสำหรับผู้เล่นว่าวที่ต้องการนำว่าวไปลงแข่งขัน การเก็บเชือกก็จะมีความชำนาญแตกต่างกันไป แต่ก็จะมีวิธืพื้นฐานในการเก็บเชือกเบื้องต้นไว้ให้ได้ทำกันอยู่ กล่าวคือ เวลาที่เราเก็บเชือกเราควรเดินตามเชือกว่าวแล้วค่อย ๆ พันเชือกให้เป็นเลขแปด เข้าสู่อุปกรณ์ที่เก็บเชือก และเราควรที่จะเก็บเชือกว่าวก่อนที่จะเก็บตัวว่าว เพื่อความง่ายง่ายและทำให้เชือกจะได้ไม่พันกัน

เมื่อเก็บเชือกใกล้สุดชิดกับตัวว่าวแล้ว ก็ค่อยเก็บตัวว่าวใกล้ ๆ กันมากที่สุด เพื่อป้องกันปัญหาเชือกพันกันหรือไปเกี่ยวสิ่งของอื่น ๆ ส่วนการเลือกใช้เชือกก็มีผลต่อตัวที่จัดเก็บเชือก ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม ขนาดความหนา บาง ขนาด ความยาว สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีผลต่ออุปกรณ์ หรือวิธีการเก็บเชือกอย่างแน่นอนที่สุด และยิ่งไปกว่านั้น ว่าวหนึ่งประเภทจะมีเชือกที่ต้องใช้ร่วมกับมันด้วยอย่างน้อย 2-3 ชุดเลย

อุปกรณ์การเก็บเชือก

                อุปกรณ์การเก็บเชือก มีหลายหลายแบบ หลายยี่ห้อ ตั้งแต่ที่เก็บแบบชาวบ้าน ๆ ไปจนถึงที่เก็บเชือกที่มีราคาสูงเป็นอย่างมากด้วย อุปกรณ์การเก็บเชือกที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันก็จะทำมาจากวัสดุหลากหลาย เป็นพลาสติก เป็นสังกะสี เป็นอลูมิเนียม เป็นต้น ส่วนประเภทของที่เก็บเชือกก็จะมีแบบที่เป็นวงล้อหรือเรียกว่า รอกปล่อยและเก็บเชือก ซึ่งจะมีความรวดเร็วในการผ่อนสายเชือก หรือการดึงเชือกเก็บ แต่จะมีขนาดที่ใหญ่และน้ำหนักเยอะ

ที่เก็บเชือกแบบประเภทมือหมุนก็จะคล้ายรอกเก็บเชือก โดยจะใช้มือหมุนแนวนอนบางทีตัวเก็บก็ทำด้วยพลาสติก บางครั้งก็เป็นสังกะสี โดยจะมีตัวไกด์ด้านหน้าทำให้เชือกไม่พันกัน อุปกรณ์ที่เก็บเชือกแบบมือหมุนแนวตั้ง และก็ยังมีที่เก็บเชือกแบบที่เป็นเพียงแผ่นเพลทพลาสติกไว้สำหรับพันเชือกเก็บ แต่ไม่สะดวกหากนำมาใช้เป็นที่ปล่อยเชือกว่าวด้วย เพราะไม่มีวงล้อที่หมุนได้ไม่ว่าจะส่วนไหน ทำให้ยากต่อการสาวเชือกทั้งเวลาเก็บเชือก และเวลาที่ปล่อยเชือก นอกจากนี้ยังมีที่เก็บเชือกแบบคันเบ็ดตกปลาด้วย ซึ่งจะง่ายต่อการจัดเก็บและใช้งาน แต่เป็นเพียงการใช้เก็บแบบเฉพาะหน้างานเท่านั้น

การเก็บเชือกไม่ใช่เรื่องที่ควรจะละเลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะซีเรียสมากนัก แต่ตัวเชือกต่างหากที่จะต้องใส่ใจเพราะหากตัวเชือกชำรุดเสียหายในขณะที่เราไม่ทราบ อาจทำให้ว่าวหลุดลอย ตกหล่นเสียหายไปได้ หรือแม้แต่การเลือกใช้เชือกที่ไม่เหมาะสมกับขนาดของตัวว่าว ประเภทของว่าว ก็ยิ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายตามมาเช่นกัน

 

post

Snow Kite อีกหนึ่งกีฬาท้าทายที่จะพาคุณโลดแล่นไปได้ไม่จำกัด

Snow Kite กิจกรรมเอ็กซ์ตรีมแบบใหม่ ที่เป็นนิยมของชาวต่างชาติหลาย ๆ ประเทศ หลายคนคงมองและนึกภาพการเล่นว่าวตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งก็คือการเล่นบนพื้นดิน ทุ่งหญ้ากว้าง หรือบนพื้นน้ำ แต่อีกหนึ่งการเล่นว่าวที่ในไทยไม่ค่อยได้คุ้นเคยหรือนึกถึง นั้นคือการเล่นว่าวบนหิมะ

Snow Kite เป็นอีกหนึ่งกระแสของชาวต่างชาติ ที่ได้อาศัยอยู่บนภูมิประเทศที่มีพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ และแน่นอนว่าการเล่นว่าวบนพื้นหิมะ ก็เป็นกีฬาอีกหนึ่งอย่างที่เต็มไปด้วยความท้าทายสำหรับคนยุคใหม่ เพราะไม่เพียงแต่การเล่นที่ยากขึ้น ด้วยเพราะพื้นผิวด้านล่างเป็นหิมะ ซึ่งบังคับการทรงตัวได้ยากกว่าพื้นที่อื่น ๆ อีกทั้งต้องทนต่อสภาวะของอากาศรอบตัวที่หนาวเย็นอีกด้วย ว่าว Snow Kite มีลักษณะการเล่นและอุปกรณ์คล้ายคลึงกันกับการเล่นว่าวที่เรียกว่า ไคท์เซิร์ฟ ต่างกันที่พื้นผิวที่เท้าสัมผัสจากพื้นน้ำ ได้ปกคลุมไปด้วยหิมะ และบางสถานที่พื้นผิวก็กลายสภาพเป็นน้ำแข็งเพิ่มความทรงตัวที่ยากยิ่งนัก

การเล่น Snow Kite นั้นถ้าหากอยากจะเล่นได้สนุกสุดเหวี่ยงและไร้ขีดจำกัด ผู้เล่นควรจะมีประสบการณ์เล่นสกี หรือ Snow board มาก่อน ส่วนชุดแต่งกายก็คล้ายกับนักสกี หรือการเล่นสเก็ตน้ำแข็ง ที่ต้องให้ความอบอุ่นกับร่างกายได้ ทั้งนี้แล้วแต่สถานที่เล่น ด้วยพื้นที่ลื่นและทรงตัวได้ยาก ทำให้การเล่นว่าวเป็นไปได้ยากมากยิ่งขึ้น จากการเล่นในสถานที่อื่น ๆ การเล่นและการบังคับว่าวก็ต้องดูกระแสลมเช่นเดิม กีฬา Snow Kite กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากและดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สนใจกิจกรรมการเล่น Snow Kite นี้ เป็นเป็นความต่างจากการเล่นสกี หรือ Snow board ที่จะเป็นการใช้แรงผลักจากตัวผู้เล่น แต่การเล่นว่าง Snow Kite ใช้แรงลมในการนำพาตัวผู้เล่นซึ่งยืนอยู่บนกระดาน เคลื่อนตัวไปบนพื้นหิมะ หรือน้ำแข็ง

นอกจากชาวยุโรปและผู้คนในสหรัฐอเมริกาจะนิยมเล่นว่าวหิมะกันเป็นจำนวนมากแล้วนั้น ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นก็เริ่มให้ความนิยม โดยสถานที่ที่ขึ้นชื่อสำหรับการเล่นว่าว Snow Kite คือที่ Ojiyashi  ซึ่งรู้จักกันในนาม Kodappara อยู่ในจังหวัดนิงะตะ  และที่ได้รับความนิยมด้วย เพราะเป็นสถานที่ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ และมีสายลมแรงเหมาะสำหรับการเล่นว่าวเป็นอย่างมากนั่นเอง การได้เล่นว่าวบนเทือกเขาสูง รายล้อมด้วยโอโซนบริสุทธิ์ อีกทั้งยังทำการสกีด้วยการให้ว่าวและลม เป็นตัวเคลื่อนย้ายไป ถ้าใครได้มีโอกาสได้ลองอย่าได้ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย กับกีฬาเอ็กซ์ตรีมแนวใหม่ที่ผสมผสานระหว่างว่าวกับกีฬาอื่นได้อย่างลงตัว ชวนสัมผัสและทดลอง