post

ว่าวไทย ประเพณีไทยสู่วัฒนธรรมทรงคุณค่าที่ควรรักษา

                ประเพณีของไทยนั้นอย่างที่เรารู้ ไม่เคยแพ้ชาติใดในโลก และอาจจะมีมากที่สุดในโลกก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นประเพณีขอฝนแห่นางแมวของอีสาน ประเพณีกินเจของทางใต้ ประเพณีโล้ชิงช้าของภาคกลาง ประเพณีผีตาโขนอีสาน ประเพณีวิ่งควายของพัทยาตะวันออก และอื่น ๆ ของแต่ละภาคและยังแบ่งอีกแต่ละจังหวัด หรือในแต่ละจังหวัดยังมีประเพณีอีกหลายประเพณีหรือแม้แต่ยังแบ่งแยกไปในแต่ละชนเผ่าหรือหมู่บ้านด้วยซ้ำ แต่เราจะพูดถึงประเพณีอีกประเพณีที่มีทุกภาคของประเทศไทย นั้นคือประเพณีเล่นว่าวหรือแข่งขันว่าว ไม่ว่าจะเป็นว่าวสวยงามประกวดประชันกัน ว่าวยักษ์ที่แข่งกันขึ้นไปโลดแล่นอยู่บนท้องฟ้าให้นานที่สุด หรือจะเป็นการแข่งกันเป็นฝั่งเพื่อต่อสู้กัน แล้วทำไมแค่ว่าวถึงเป็นประเพณีและวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาการทำว่าวโบราณที่บางชนิดแถบจะหาคนทำไม่ได้แล้วแต่ถ้าเราคงไว้ซึ่งประเพณีที่มีอยู่ตั้งแต่อดีต เพื่อให้อยู่ในปัจจุบันตกถอดสู่ลูกหลานจนเป็นวัฒนธรรม หรือการทำลายที่บงชี้ถึงความเจริญและลายเส้นของว่าวที่บงชี้ว่าอยู่ในยุคไหนหรือแม้แต่วัสดุที่นำมาทำว่าวก็ตาม สิ่งนี้คือคุณค่าทางวัฒนธรรมที่ควรรักษา

การแข่งขันของประเพณีว่าวไทย และรูปแบบการแข่งขัน

การแข่งขันของประเพณีว่าวไทยมีหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้แบ่งฝั่งอย่างเช่นในกรุงเทพที่มีมาช้านานนั้นคือ ประเพณีแข่งขันว่าวในกรุงเทพสนามหลวงคือ ว่าวจุฬาและว่าวปักเป้า โดยว่าวจุฬาจะมีจำปาซึ่งทำมาจากไม้ไผ่เหลาติดอยู่ที่สายป่านและนำมาประกอบกันหลายๆอันเป็นอาวุธในการต่อสู้เพื่อเป็นตัวเกี่ยวเชือกของว่าวปักเป้าทำเสียการทรงตัวโดยการวิ่งและให้ข้ามมาตกในแดนของว่าวจุฬา

ส่วนทางด้านว่าวปักเป้าจะมีเหนียง ซึ่งเป็นบ่วงเชือกที่มีไว้คล้องส่วนหัวของว่าวจุฬา ถ้าคล้องได้ว่าวจุฬาก็จะเสียการทรงตัวและว่าวปักเป้าก็จะพยายามให้ว่าวจุฬาตกในแดนของตนเอง แล้วไม่เท่านั้นประเพณีการเล่นว่าวอีกหลายประเพณีอย่างเช่นจังหวัดบุรีรัมย์ก็มีการทำว่าวยักแข่งขันกันขึ้นสู่ท้องฟ้าให้ได้นานที่สุดโดยน้ำหนักบางตัวเกินสิบกิโลกรัมต้องใช้คนในการช่วยทำให้มันขึ้นเป็นทีมบางทีหลายสิบคนเลยทีเดียว หรือจะเป็นอีกประเพณีคือการแข่งขันว่าว สลาแย ของจังหวัดสตูล เป็นว่าวที่มีการแข่งขันกันทางภาคใต้และมีมาเป็นเวลานานโดยการส่งว่าวขึ้นไปทีละห้าตัว ส่งขึ้นไปในแนวตั้ง โดยเล่นกันตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมเพราะได้รับอิทธิพลลมตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วที่กล่าวมาเป็นประเพณีแค่บางส่วนในเมืองไทยและนั้นคือวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าที่ควรรักษา