post

ว่าวของเล่นเด็กไทย แต่คนส่วนใหญ่มักสับสนกับชื่อเรียก

ว่าวเป็นของเล่นโบราณที่เด็กทุกยุคทุกสมัยต้องรู้จักและเคยเล่น ไม่ว่าจะเป็นว่าวที่คู่กับคนไทยที่ทุกคนรู้จัก คือ ว่าวจุฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ โดยมีรูปแบบคล้ายกับดาวหรือมะเฟืองผ่าซีก กินลมง่ายมีอาวุธสำคัญคือจำปาเป็นไม้ไผ่เหลาและมัดติดกับป่าน สามารถที่จะเกี่ยวและดึงว่าวตัวอื่นให้เสียการทรงตัวได้ จะใช้สำหรับแข่งขันหรือการเล่นสวยงามหรือเพื่อความเพลิดเพลิน

ว่าวอีกชนิดที่เป็นที่นิยมเหมือนกันและเป็นคู่แข่งกันตลอดการคือ ว่าวปักเป้า เป็นว่าวรูปทรงขนมเปียกปูน การขึ้นโครงค่อนข้างใช้การเหลาไม้ไผ่ให้หนาหน่อย ทำให้ตัวว่าวค่อนข้างแข็งและมีหางอยู่ที่ปลายเพื่อช่วยการทรงตัว คุณสมบัติของว่าวปักเป้าคือความคล่องตัวและปราดเปรียว อาวุธประจำกายคือเหนียงที่ติดอยู่ช่วยในการเกี่ยวให้คู่ต่อสู้เสียการทรงตัวและตกลงในที่สุด

ส่วนว่าวอีกชนิดที่เด็ก ๆ ชื่นชอบคือว่าวงู ว่าวงูจะมีหัวเหมือนงูแผ่แม่เบี้ยและมีหางยาวช่วยในการทรงตัว ขึ้นง่าย เล่นง่าย สีสันหลากหลาย เหมาะสำหรับการเล่นสวยงาม เด็กทุกคนรู้จักและคุ้นเคยเพราะมีลักษณะเหมือนงูจึงจำง่ายและเรียกตามชื่อตรงตามลักษณะ

พอยุคสมัยเปลี่ยนไปความนิยมของว่าวโบราณได้ลดความนิยมลง และการขึ้นหรือการเล่นค่อนข้างยาก ทำจากกระดาษสาหรือกระดาษว่าวทำให้ขาดง่ายไม่ทนทาน ที่สำคัญหาช่างหรือคนที่สืบสานการทำว่าวยากขึ้นจึงเริ่มเลือนหายไป แต่ว่าวก็ยังเป็นที่นิยมโดยอิทธิพลของว่าวต่างประเทศจำพวก สตั้นไคท์ ที่ทำจากผ้าร่ม โครงทำจากพลาสติกที่มีความทนทานไม่ขาดง่าย และกินลมขึ้นง่ายคนเดียวก็ปล่อยว่าวได้ถ้ามีลม เด็กรุ่นใหม่จึงหันไปเล่นกันเยอะ

ว่าวอีลุ้ม อาจจะไม่คุ้นชื่อแต่ทุกคนคงคาดไม่ถึง

ลองย้อนกลับมาดูว่าวไทยในอดีตที่ได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ อีกแบบหนึ่งนั้นคือ ว่าวอีลุ้ม ลองมาดูว่ามันมีวิธีทำอย่างไร ว่าวอีลุ้มเป็นว่าวที่รูปทรงไม่ต่างจากว่าวปักเป้า คือรูปทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน แต่การทำแตกต่างกันคือมีการเหลาไม้ไผ่ขึ้นโครงที่อ่อนกว่าเพื่อรับลม ทำให้ว่าวอีลุ้มกินลมมากเพราะอ่อนรับลม ส่วนปีกทั้งสองข้างมีหางช่วยในการทรงตัวของว่าวชนิดนี้ ขึ้นง่ายและเป็นที่นิยมของเด็กไทยทุกคนไม่แพ้กับว่าวชนิดอื่นหรือว่าวงู เริ่มคุ้นหรือยังครับ รูปทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนที่ทุกคนชอบสับสนว่าคุณกำลังเล่นว่าวปักเป้าอยู่ แต่หารู้ไม่ส่วนใหญ่ที่คุณเล่นมันไม่ใช่ว่าวปักเป้า เพราะว่าวปักเป้าค่อนข้างขึ้นยาก ว่าวสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนที่ขายกันทั่วไปมันคือว่าวอีลุ้มนั้นเอง ช่วยกันนะครับอย่าให้ของเล่นไทยประเภทว่าวจางหายไปจากเมืองไทยเลย

 

post

ว่าวไทยสื่อสารความเป็นไทยได้อย่างงดงามไม่แพ้ชาติใดในโลก

ทุกคนคงรู้ว่าศิลปะบงชี้ความเป็นชาติและยุคสมัยได้ดีแค่ไหน โดยแต่ละเชื้อชาติแต่ละศาสนาล้วนแล้วแต่ศึกษาจากต้นกำเนิดของงานศิลปะ ว่าเรามาจากไหน มีต้นตะกูลเป็นใครเผ่าไหน มีวัฒนธรรมอย่างไร มีวิถีการใช้ชีวิตแบบใดมาก่อน ไม่ว่าจะผ่านไปนานกี่ร้อยกี่พันปีก็ตาม

ส่วนใหญ่สืบค้นได้จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์เช่น ถ้วยโถ ชาม ของใช้ เสื้อผ้า เครื่องประดับ ล้วนดูจากลายเส้นของผ้า สีสัน ลายบนข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับหลากสีสันหรือแม้แต่การถักทอของหวายหรือลายเส้นบนอาวุธ รูปแบบความโค้งเว้าของทรงแจกัน ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เกิดจากการรังสรรค์ของศิลปะทั้งนั้น จึงได้มาซึ่งข้าวของพวกนี้ที่ชนรุ่นหลังขุดค้นพบ

ว่าวก็เช่นเดียวกัน เราไม่สามารถจะปฏิเสธได้เลยว่าลายเส้นบนกระดาษที่ทำว่าว หรือแม้แต่ไม้ไผ่ที่เหลามือโดยมีความบางหนาแตกต่างกันตามขนาด และความโค้งงอของแต่ละชนิดของว่าว หรือแม้แต่เส้นด้ายหรือเชือกป่านที่นำเข้ามามัด ถักผูกขึ้นรูปก็ยังมีส่วนสำคัญในการมองความเจริญ และความประณีตของคนรุ่นก่อนเมื่อหลายร้อยปีที่ผ่านมาของคนไทย

ขั้นตอนการสื่อสารความเป็นไทยที่ใส่ลงไปในงานศิลปะการทำว่าว

ว่าวในประเทศไทย แน่นอนว่ามีเป็นร้อยชนิดตามแต่ภูมิภาค จะทำขึ้นเพื่อเป็นเครื่องเล่น เพื่อการแข่งขัน หรือเพื่อความเพลิดเพลินก็ตาม ล้วนแล้วแต่มีกรรมวิธีที่ละเอียดอ่อนตามยุคสมัย การทำว่าวเริ่มจากการที่ต้องเลือกไม้ไผ่เป็นส่วนประกอบ พอเลือกที่มีอายุพอเหมาะแล้วยังต้องผ่าทดสอบความหยืดหยุ่นและยังต้องทิ้งไว้ให้แห้งอย่างน้อย 1 ปี แล้วการเหลาก็จะมีความละเอียดอ่อนของแต่ละชนิดของว่าว

โดยคนสมัยโบราณคงมีการลองผิดลองถูกมาแล้วจนกระทั้งรู้ว่าต้องงอตรงหัวเพื่อรับลม และต้องบางตรงปลายข้างเพื่อกินลมได้ดี ส่วนกระดาษที่ใช้สมัยโบราณได้อิทธิพลมาจากจีน ก็จะเป็นกระดาษสาจีนซึ่งมีความบางแต่จะต้องทำอย่างไรให้สามารถทนแรงลมได้ ก็ต้องหาเชือกมาขึงให้แนบกับตัวกระดาษเพื่อไม่ให้กระดาษขาดง่ายแล้วสามารถกินลมอยู่บนอากาศได้นาน แถมยังต้องรู้ว่าจะต้องขึงแบบไหนที่เหมาะกับว่าวอะไรแล้วแต่ละชนิดว่าวจะต้องขึงแบบเป็นตาราง หรือแบบยาว หรือถี่แค่ไหน

ส่วนความสวยงามของว่าวทางด้านลวดลายและการตกแต่งก็ยังจะบ่งชี้ความเจริญของการทำว่าวยุคนั้น ๆ เปลี่ยนไปตามการเวลา ยุคสมัย ความเจริญของต่างชาติที่เข้ามา ไม่ว่าใครจะเห็นเป็นอย่างไรแต่ศิลปะบนผืนกระดาษสาและการทำว่าวไทยที่ละเอียดอ่อนมันจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า นี่แหละคือเครื่องมือสื่อสารอีกอย่างหนึ่งของคนไทยที่เป็นเอกลักษณ์ และคงความเป็นไทยไม่ว่าจะคนชาติไหนที่พบเจอก็จะรู้ว่านี่คือของคนไทย แล้วคุณละจะไม่ช่วยกันอนุรักษ์และเชิดชูว่าวไทยหรือ

 

post

ทำไมว่าวไทยถึงสืบสานความเป็นมรดกโลก

ตั้งแต่สมัยโบราณการเล่นว่าวของไทยมีแพร่หลายตามหัวเมืองใหญ่ แต่ละภาคแต่ละจังหวัดของเมืองไทย หรือไม่ว่าจะเป็นของเล่นสมัยโบราณของเด็กก็ดี หรือจะเป็นเครื่องเล่นของผู้ใหญ่ก็ดี การพนันขันต่อในการแข่งขันก็ดี หรือแม้แต่พระมหากษัตริย์ก็ดี ถือว่าเป็นของโบร่ำโบราณที่นับวันจะเริ่มสูญหายและเรือนหายไปเรื่อย ๆ มองย้อนกลับไปซัก 20-30 ปีที่แล้วการเล่นว่าวยังมีอยู่มาก พอถึงหน้าร้อนของไทย ถ้าใครได้ผ่านแถวสนามหลวงจะยังพอเห็นคนเล่นว่าว และจะมีคนทำว่าวมาแขวนขายรอบ ๆ ท้องสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ล้วนแล้วแต่เป็นว่าวไทย ไม่ว่าจะเป็นว่าวจุฬา ว่าวปักเป้า ว่าวอีลุ้ม ว่าวงูที่เด็ก ๆ ชอบกัน มีลายเส้นแตกต่างกันไปตามจินตนาการของผู้ทำ และมีสีสันสดสวยและรูปแบบล่อตาล่อใจคนที่ผ่านไปผ่านมา จนไม่สามารถอดใจได้ในการซื้อหาไว้เล่น

หรือถ้าใครอยากจะเล่นว่าว แน่นอนสำหรับในกรุงเทพมหานครก็ต้องมุ่งตรงไปที่สนามหลวงเพราะจะมีขายหลากหลายรูปแบบ หลังจากนั้นมาว่าวไทยก็เริ่มที่จะโดนกลืนกินโดยรูปแบบของว่าวต่างชาติที่ขึ้นง่ายกว่า เล่นง่ายกว่า ทนทานด้วยวัสดุมากกว่า เพราะใช้ผ้าร่มในการผลิต ส่วนทางด้านโครงสร้างก็ใช้พลาสติกในการทำ ทำให้ไม่หักง่ายและทนทาน ส่วนแทนที่คนไทยจะอนุรักษ์และรักษาไว้ด้วยคนรุ่นใหม่ ก็กลับกลายเป็นนิยมของใหม่รูปแบบใหม่ที่มาจากเมืองนอก กลับกันชาวต่างชาติกลับเห็นความเป็นศิลปะของลายเส้นและวิธีทำ โดยส่วนใหญ่นำไปเป็นของสะสมและของแต่งบ้าน คนที่จะสืบสานการทำก็ลดน้อยลงตามความต้องการ

ความเป็นมรดกโลกของว่าวไทย มันคือวิธีการทำที่ละเอียดอ่อน

ทำไมมันถึงสามารถเป็นมรดกโลกได้ การทำว่าวไทยแบบคร่าว ๆ อาจจะไม่ถึงกับเจาะลึกทุกรายละเอียด เริ่มตั้งแต่การเลือกไม้ไผ่ ต้องใช้ไม่ไผ่ที่มีอายุไม่น้อยจนเกินไปและไม่มากจนเกินไป ถ้าอ่อนเกินไปจะหักง่ายในการขึ้นไปปะทะกับลม แต่ถ้าแก่เกินไปจะทำให้การให้ตัวของว่าวจะไม่ดีเท่าที่ควร การดูไม้ขึ้นอยู่กับความชำนาญของผู้ทำ การเหลาไม้ส่วนใหญ่จะเหลาแบบลำหวาย คือเหลาเท่ากันแต่จะเรียวที่ปลายเพื่อจะมีการสปริงรับลมและกินลมได้เยอะ ส่วนกระดาษในสมัยก่อนใช้เป็นกระดาษสาจีน เป็นกระดาษเหมือนไส้ในประทัดค่อนข้างบางขาดง่ายการทำเราจึงมีการขึงกระดาษด้วยเชือกเรียกว่าการขึงสัก มีสองวิธีคือ ว่าวจุฬาจะขึงตามตารางหมากรุก ส่วนว่าวปักเป้าจะขึงตามยาวลงมา และเราจะต้องใช้เศษกระดาษตัดมาเป็นลูกปลา คือการแปะกระดาษเป็นตารางหรือเป็นแนวยาวตามว่าวเพื่อให้เชือกที่ขึงกับว่าวแนบตัวว่าวและว่าวจะคงทนไม่ขาดง่าย ขั้นตอนการทำว่าวไทยยังมีอีกเยอะถ้าจะเล่ากันจริง ๆ สามวันสามคืนก็ไม่จบ ถามว่าแค่นี้ยังพิสูจน์ไม่ได้อีกหรือว่า ว่าวไทยคือมกดกโลก