post

3 กีฬาเอ็กซ์ตรีมที่อุปกรณ์อาจไม่จำเป็นเท่าใจที่กล้ามากเพียงพอ

ขึ้นชื่อว่าเป็นกีฬาเอ็กซ์ตรีมนั้น แน่นอนว่ามีความอันตรายและมีความเสี่ยงในการเล่นอย่างแน่นอน ดังนั้นอุปกรณ์ในการเล่นจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างมากที่ผู้เล่นจะต้องให้ความสำคัญ แต่ก็มีบางทีเช่นเดียวกันที่อันตรายในการเล่นก็อาจจะเกิดขึ้นได้จากอุปกรณ์เหล่านี้นี่เอง

อย่างไรก็ตาม มีกีฬาเอ็กซ์ตรีมบางชนิดที่ใช้อุปกรณ์น้อยมาก ๆ ในการเล่น หรือบางชนิดก็ถือได้ว่าไม่ได้ใช้อุปกรณ์สำคัญภายนอกที่ยิ่งใหญ่อะไรเลย แต่ก็ยังสามารถทำให้ผู้เล่นได้รับความสนุกท้าทายจากการเล่นได้ไม่แพ้กีฬาที่ต้องใช้อุปกรณ์ และอาจจะยิ่งเพิ่มความท้าทายให้กับผู้เล่นมากขึ้นได้ในบางครั้งได้อีกด้วย เราไปดู 3 กีฬาเอ็กซ์ตรีมที่อุปกรณ์อาจไม่จำเป็นเท่าใจที่กล้ามากเพียงพอกันเลยดีกว่า

1.Free Running หรือ Parkour จัดเป็นกีฬาเอ็กซ์ตรีมประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นแถบยุโรปเป็นจำนวนมาก ซึ่งสาเหตุก็อาจจะมาจากการที่เจ้ากีฬาชนิดนี้นั้นไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มเติมที่นอกเหนือไปจากการวิ่งใด ๆ นั่นเอง การวิ่งประเภทนี้ไม่ใช่เพียงแค่การวิ่งเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเดินทางด้วยเท้าทั้ง 2 ข้าง และใช้ร่างกายในการเคลื่อนที่ผ่านสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่อง สิ่งปลูกสร้างประเภทต่าง ๆ ตั้งแต่ขนาดเล็ก ๆ อย่างเช่นราวบันได ไปจนถึงตึกที่มีขนาดความสูงแตกต่างกันไป ผู้ที่จะสามารถเล่นกีฬาชนิดนี้ได้ดีจะต้องเป็นบุคคลที่มีความแข็งแรงทางด้านร่างกายเป็นอย่างมาก และจำเป็นจะต้องมีทักษะทางการออกกำลังกายพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นการกระโดด การตีลังกา การปีนป่าย หรือแม้กระทั่งทักษะของกีฬาเฉพาะทางอย่างยิมนาสติก เป็นต้น

2.Free Solo Climbing เป็นรูปแบบการปีนหน้าผา หรือการปีนภูเขาสูงรูปแบบหนึ่งที่ปราศจากการใช้อุปกรณ์ใด ๆ ยกตัวอย่างเช่น เชือกที่ใช้สำหรับการปีนป่าย เรียกได้ว่ามีแค่ร่างกายกับใจที่เกินร้อยนั่นเท่านั้นที่ต้องพาตัวเองเคลื่อนตัวไปตามแนวหน้าผา หรือเขาที่สูงชัน ดังนั้นผู้ที่ชื่นชอบการเล่นกีฬาชนิดนี้จะต้องเป็นคนที่มีพละกำลังร่างกายที่แข็งแรงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอวัยวะที่ใช้สำหรับการยึดเกาะ อย่างเช่นนิ้วมือ นิ้วเท้า พละกำลังของแขนและขา แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากกีฬาเอ็กซ์ตรีมประเภทนี้มีอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ส่งผลให้การปีนเขา หรือหน้าผารูปแบบนี้ไม่เป็นที่นิยมในหมู่นักปีนเขามากนัก เนื่องจากมองว่าเป็นการท้าทายความตายจนมากเกินพอดี อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อการปีนเขาอีกด้วย

3.Freediving เป็นรูปแบบการดำน้ำชนิดหนึ่งที่ผสมผสานเอาการดำน้ำ  2 รูปแบบเข้าไว้ด้วยกัน ประกอบด้วย การดำน้ำแบบ Snorkeling ที่ระดับผิวน้ำ และการดำน้ำ Scuba ที่ระดับความลึกไม่เกิน 30 เมตร โดยใช้ถังออกซิเจนช่วยในการหายใจ โดย Freediving จะเป็นการดำน้ำที่ระดับความลึก 5 เมตรลงไป โดยอุปกรณ์ที่ใช้จะคล้ายกับการดำน้ำทั้งแบบ Snorkeling และ Scuba ซึ่งประกอบด้วย หน้ากาก (Mask) Snorkel และตีนกบ (Fins) แต่ไม่จำเป็นต้องใช้เสื้อชูชีพ เพราะหากใช้เสื้อชูชีพจะไม่สามารถลงไปใต้น้ำเพื่อสัมผัสกับสิ่งสวยงามใต้ท้องทะเลได้ ดังนั้นผู้ที่ชื่นชอบการเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมประเภทนี้จึงจำเป็นจะต้องมีทักษะการว่ายน้ำดีพอสมควร ตลอดจนผ่านการเรียนรู้วิธีกลั้นลมหายใจในน้ำให้สามารถอยู่ได้เป็นระยะเวลานาน ซึ่งการฝึกอยู่ใต้น้ำนาน ๆ นั้นจะต้องได้รับการฝึกฝนจากผู้ฝึกสอนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะก่อนมิเช่นนั้นจะเป็นอันตรายกับชีวิตตนเองเลยทีเดียว

จากสาระความรู้ที่นำมาฝากกัน จะเห็นได้ว่ากีฬาเอ็กซ์ตรีมอาจจะจำเป็นต้องใช้หรือไม่ใช้อุปกรณ์ก็ได้ในบางชนิดกีฬา แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือสติในขณะเล่นกีฬาเหล่านี้ เพราะหากพลาดแม้เพียงนิดเดียวคุณหรือคนที่คุณรักอาจจะเสียใจไปตลอดชีวิตเลยก็ได้

post

Free Running วิ่งไปบนความพลิ้วไวของร่างกาย

หากให้คุณนึกถึงการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุดโดยไม่จำเป็นต้องอุปกรณ์ใดใดเลยนั้น สิ่งแรกที่คุณนึกถึงก็คงไม่พ้นการวิ่ง เพียงคุณมีรองเท้ากีฬาสักคู่ ก็สามารถออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของคุณได้ แต่บางครั้งการวิ่งบนลู่วิ่งทั้งในสนามหรือว่าฟิตเนสก็ทำคุณเบื่อหน่ายจนคุณต้องการมองหารูปแบบการออกกำลังกายใหม่ ๆ โดยที่คุณยังหลงใหลการวิ่งอยู่แล้วละก็ Free Running คงเป็นกีฬาที่จะเข้ามาทำให้การวิ่งของคุณมีสีสันเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

Free Running กีฬาเอ็กซ์ตรีมที่น่าทึ่ง

Free Running ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในกีฬาเอ็กซ์ตรีม ที่พัฒนามาจากการฝึกฝนร่างกายชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เรียกว่า Parkour ซึ่งเป็นกีฬาที่นิยมในประเทศฝรั่งเศสช่วงปี 1980 กีฬาที่อาศัยการวิ่ง การปีน การกระโดด ไปจนถึงคลานลงกันพื้นโดยการเคลื่อนร่างกายให้เร็วที่สุดจากที่หนึ่งไปยัง ในสภาพแวดล้อมที่ถูกสร้างขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปมีการดัดแปลงจนมาเป็น Free Running ที่เพิ่มความตื่นเต้นด้วยสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนมากขึ้น เพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกายที่พลิ้วไหวมากขึ้น อาศัยความคิดสร้างสรรค์จากเทคนิคเฉพาะตัวแต่ละคนให้เคลื่อนไวอย่างอิสระ และใช้การตีลังการเข้ามาเพิ่มความท้าทาย ความตื่นเต้นให้การวิ่งของคุณ

หากอธิบายให้เข้าใจอีกระดับ การวิ่งแบบ Free Running คือการวิ่งในรูปแบบวิ่งอิสระ ที่ใช้สิ่งแวดล้อมรอบตัว ซึ่งส่วนมากจะเน้นสภาพแวดล้อมที่เป็นเขตเมือง การวิ่งด้วยความเร็วจากการวิ่งด้วยเท้าทั้งสองข้างผสานกับการมองเห็นเครื่องกีดขวางที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนสั่งการไปที่สมองให้คุณเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อหลบสิ่งกีดขวางด้วยการกระโดดข้ามด้วยกำลังเท้า การเกาะปีนด้วยมือทั้งสองข้าง หลบหลีกเก้าอี้ที่ขวางทางด้วยการตีลังกาอย่างพลิ้วไหวสวยงาม จนบางครั้ง Free Running ก็ต้องนำเอาเทคนิคจากกีฬาชนิดอื่นมาใช้ร่วมด้วย เช่น กีฬายิมนาสติกลีลาหรือการเต้นเข้าจังหวะ รวมถึงท้าทายความคิดสร้างสรรค์ที่ต้องเกิดขึ้นเฉพาะหน้าเพื่อออกแบบท่วงท่าให้ออกมาได้น่าชื่นชมและปลอดภัย

สิ่งที่คุณจะได้จาก Free Running นอกจากร่างกายที่แข็งแรงจากการใช้กำลังการวิ่งแล้วนั้น Free Running จะช่วยสร้างสมดุลภายในร่างกาย ขณะที่คุณเคลื่อนไหวร่างกายในทุกส่วนให้มีลีลาอันน่าทึ่งในสายตาของผู้ชม อย่างเช่นในโฮมวิดีโอจากต่างประเทศที่เรามักเห็นนักวิ่งอิสระบางคนสามารถสร้างความตื่นตาให้เรา ด้วยการปีนกำแพงที่สูงเหมือนตัวเบาราวกับร่างกายไร้แรงโน้มถ่วงของโลกมาฉุดดึงไว้ หรือการตีลังกาลงมาจากที่สูง แล้วม้วนตัวกลับมายืนได้อย่างง่ายดาย สร้างความหวาดเสียวให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนใช้ความสามารถทางกายภาพที่มีความสมดุลของร่างกายทั้งสิ้น                

ทั้งนี้ทั้งนั้นกว่าจะได้ภาพที่น่าประหลาดใจผู้ชม นักกีฬา Free Running ก็ต้องอาศัยความใส่ใจด้านสถานที่บริเวณให้มีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ผู้เล่นนั้นสามารถแสดงศักยภาพของตัวเองได้ออกมาอย่างเต็มที่ เมื่อผู้เล่นก้าวข้ามขีดจำกัดความกลัวของตัวเองแล้ว ท่วงท่าลีลาอันงดงามที่ถูกแสดงออกมาก็คือเสน่ห์อันน่าตื่นใจของกีฬา Free Running ที่รอให้คุณได้สัมผัสนั่นเอง