post

ว่าวไทยกับลมหายใจอันแผ่วเบา เสน่ห์การละเล่นที่แพ้ทางกาลเวลา

ว่าว การละเล่นที่มีมาช้านาน และไม่ได้มีแค่ในไทยเราเท่านั้น หลาย ๆ ประเทศในเอเชียก็มีวัฒนธรรมการเล่นว่าวเหมือนกับไทยเรา แต่สำหรับ “ว่าวไทย” นั้น เป็นกิจกรรมที่อยู่คู่ครอบครัวไทยเลยก็ว่าได้ ในสมัยก่อนในช่วงฤดูร้อนของทุกปีในตอนนั้นน่านฟ้าของไทย และบริเวณสนามหลวงจะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยว่าวไทยนานาชนิด เราจะเห็นว่าวตัวเล็กตัวน้อยที่ลอยโต้ลมอยู่ตลอดเวลา และได้ยินเสียงเฮฮาจากเด็ก ๆ คุณพ่อและคุณลูกที่วิ่งเล่นให้ว่าวโต้ลมสู่ฟ้ากันอย่างครึกครื้นสนุกสนาน แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไป ดูเหมือนลมที่คอยโต้ว่าวไทยให้ลอยสู่ฟ้ากลับแผ่วเบาลง นั่นทำให้ลมหายใจของว่าวไทยก็ดูเหมือนจะริบหรี่ลงไปด้วยเช่นกัน

ว่าว คือ กีฬาไทยชนิดหนึ่ง

คนรุ่นใหม่อาจจะไม่ทราบว่า สิ่งที่เรียกว่าเป็นกีฬาไทยแท้ ๆ นั้นนอกจากมวยไทยแล้ว หมากรุกไทยแล้ว ก็ยังมีว่าวไทยอีกอย่างที่อยู่ในฐานะกีฬาพื้นบ้านไทย เพราะว่าวของแต่ละชาตินั้นจะมีเอกลักษณ์ในการสร้างสรรค์โครงสร้างตัวว่าวในแบบของตนเอง ซึ่งปักเป้า กับจุฬาก็ถือว่าเป็นตัวแทนว่าวไทยในการแสดงเอกลักษณ์ให้เห็นถึงความแตกต่างจากว่าวของชาติอื่น ๆ ในเอเชีย เมื่อสมัยก่อนว่าวไทยยังเป็นกีฬาที่มีการแข่งขันกัน และสถานที่แข่งขันที่ใช้กันนั้นก็คือสนามหลวง ไม่เพียงแต่จะแข่งกันในเรื่องของความสูงในการเล่นว่าว หรือดูว่าว่าวของใครลอยสูงที่สุดโต้ลมได้นานที่สุดเท่านั้น แต่ยังมีการแข่งขันประกวดความสวยงาม และการออกแบบตัวว่าวอีกด้วย

แต่ในปี 2553 ทางการได้มีการประกาศปิดสนามหลวงเพื่อปรับปรุงพื้นที่ ซึ่งการปรับปรุงสนามหลวงครั้งนี้กินระยะเวลาเป็นปี ซึ่งแน่นอนว่ากระทบกับการแข่งกีฬาว่าวไทยเป็นอย่างมาก บวกกับปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ทั้งเรื่องของการเมืองความสงบของบ้านเมือง เหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ส่งผลให้ว่าวไทยไม่ได้ไปต่อ การแข่งขัน การละเล่นต่าง ๆ ต้องงดไปโดยปริยาย และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของหายใจที่เริ่มแผ่วเบาของว่าวไทยในวันนี้

การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีก็ทำให้ว่าวไทยวิกฤต

การที่โลกเปลี่ยนแปลงเร็วเพราะเทคโนโลยีเข้ามาแทรกแซง ทำให้อะไรที่ดูเป็นเรื่องเก่า ๆ ไม่ทันสมัยกลายเป็นสิ่งที่ต้องถูกโละทิ้งให้เลือนหายไปในความทรงจำตามการเวลา และทุกสิ่งก็ต้องเป็นเช่นนั้นแบบไม่มีข้อยกเว้น ยกตัวอย่างง่าย ๆ ว่าวในฐานะกีฬาพื้นบ้านของไทย เมื่อไหร่ที่มีการจัดแข่ง ก็อาจจะมีการพนันขันต่อเล็ก ๆ ข้างสนาม เป็นการเดิมพันเพื่อความสนุกสนานไม่ได้หวังรวย แต่ปัจจุบันคนที่จะเล่นพนันกีฬาก็จะหันไปใช้บริการเว็บพนันออนไลน์ อย่างเว็บ VWIN ที่จัดเต็มเรื่องพนันกีฬาจากทั่วโลก จะพนันก็ง่าย แถมเรื่องจ่ายก็จริง นี่คือความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกที่เกิดขึ้นในวันนี้ เวลาเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน ใจคนก็เปลี่ยน เราไม่สามารถบอกได้ว่า อะไรมันดีกว่ากัน และอะไรควรจะเป็นอย่างไร แต่ว่าวไทย ผิดอะไร ทำไมคนไทยถึงเริ่มที่เลือกจะทิ้งมันไว้ให้เหลือเพียงแค่ความทรงจำ

หากเป็นไปได้ ภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง น่าจะจัดกิจกรรมอะไรสักอย่างเพื่อการส่งเสริมว่าวไทยในฐานะกีฬาพื้นบ้านของไทย เพื่อสร้างภาพจำใหม่ ๆ  ให้กับคนรุ่นหลัง ซึ่งสิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยต่อลมหายใจให้กับว่าวไทยไปได้อีกสักระยะหนึ่งทีเดียว

post

เรื่องราวน่าสนุกของการแข่งว่าว ที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน

การแข่งว่าวเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมในประเทศแถบเอเชีย เช่น บังกลาเทศ ปากีสถาน อินเดีย เนปาล ไทย เกาหลีและอัฟกานิสถาน โดยการแข่งว่าวถือเป็นกีฬาที่ตื่นเต้นผาดโผนและมีการใช้ว่าวเป็นอุปกรณ์สำคัญในการแข่งขัน

ว่าวสำหรับการแข่งขันจะต้องเป็นว่าวที่มีน้ำหนักเบาและทำจากกระดาษบาง ๆ ตัวโครงว่าทำจากไม้ที่มีความยืดหยุ่นและมีน้ำหนักเบาเช่นกัน ส่วนมากมักทำมาจากไม่ไผ่

นอกจากทวีปเอเชียแล้ว อเมริกาเองก็มีการแข่งว่าวเช่นเดียวกัน โดยวัสดุที่นำมาทำว่าวส่วนมากจะเป็นวัสดุสังเคราะห์ เช่น แผ่นไนลอนและโพลีเอสเตอร์ เป็นต้น

สายป่านเป็นกุญแจสำคัญในการทรงตัวของว่าว

เมื่อว่าวลอยขึ้นไปในอากาศ ความกดอากาศจะทำให้ว่าวเปลี่ยนรูปไป อีกทั้งยังทำให้ตัวว่าวทรงตัวได้อย่างเสถียร เมื่อสายป่านว่าวเริ่มหย่อน ว่าวจะไม่เสถียร หากเราปล่อยสายป่านว่าวออกมามากขึ้นก็จะยิ่งทำให้สายป่านว่าวหย่อน หากว่าวทรงตัวไม่ดีก็จะทำให้ตัวว่าวหมุนเคว้งไปกับลม หากสายป่านตึง ก็จะทำให้

เมื่อว่าวลอยตัวสูงขึ้นไปในอากาศ ความกดอากาศด้านบนจะทำให้ว่าวเสียรูปไปก็จริง แต่ก็จะส่งผลให้ว่าวสามารถคงตัวได้ดีบนอากาศ นอกเหนือจากความกดอากาศแล้ว ความตึงของสายป่านก็สำคัญในการทรงตัวของว่าว หากผู้เล่นปล่อยเชือกสายป่านออกมามากเกินไปจนสายป่านว่าวหย่อน ก็จะทำให้ว่าวหมุนเคว้งในอากาศได้ ดังนั้นจึงควรคุมสายป่านว่าวให้ตึงอยู่เสมอ เมื่อสายป่านว่าวตึงแล้ว ผู้เล่นก็จะสามารถควบคุมทิศทางของว่าวได้ดีขึ้น

กฏของการการแข่งว่าว

การแข่งว่าวมีกฏคือผู้เข้าแข่งขันต้องตัดสายป่านของว่าวฝั่งตรงข้ามให้ขาด สามารถแข่งได้ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป สามารถแข่งได้ทั้งผู้เล่นแบบเดี่ยวหรือแบบทีม โดยผู้ที่สามารถควบคุมว่าวของตนเองให้ลอยอยู่บนอากาศได้เป็นคนสุดท้ายของการแข่งขันก็คือผู้ชนะ จริง ๆ แล้วการแข่งว่าวถือเป็นการแข่งขันที่ค่อนข้างอันตรายเพราะว่าสายป่านว่าวมีความคมมากจนสามารถตัดคอมนุษย์ให้ขาดได้เลย

การแข่งว่าวในประวัติศาสตร์

นอกจากว่าวจะมีความผูกพันกับชาวโพลีเชี่ยนที่อาศัยอยู่ในเขตโอเชียเนีย มหาสมุทรแปซิฟิก จากตำนานเทพเจ้าพี่น้องทั้ง 2 องค์ที่เคยแนะนำให้มนุษย์รู้จักการใช้ว่าวในการต่อสู้กัน ชาวมาเลย์ในยุคแรก ๆ หรือช่วงประมาณศตวรรษที่ 15 ของจดหมายเหตุมาเลย์ ได้บันทึกเรื่องราวของเจ้าชาย Rajah Ahmad ซึ่งเป็นพระโอรสองค์ใหญ่ในสุลต่าน Mahmud แห่งมะละกา ได้เคยใช้ว่าวขนาดใหญ่ตัดสายป่ายและเอาชนะว่าวทุกตัวด้วยการตัดบินโฉบเพียงครั้งเดียว เนื่องจากพระองค์ได้ใช้สายเอ็นตกปลามาทำเป็นสายป่านว่าว สายป่านว่าวจึงคมและมีความแข็งแรงมาก วันต่อมา เจ้าชาย Rajah เข้าร่วมการแข่งขันเช่นเดิม แต่คราวนี้ถูกว่าวที่เล็กกว่าของ Hang Isa Pantas ที่ได้ทาแก้วที่ป่นเป็นผงกับยางเหนียว ๆ จากในป่าเอาไว้ที่สายป่านของตนเอง เมื่อว่าวของเจ้าชายพยายามตัดสายป่านว่าวของ Hang Isa Pantas ว่าวของเจ้าชายจึงขาดออกและร่วงลงพื้นทันที

post

ว่าวสตั้นท์ (Stunt kite) ดีกรีไม่ธรรมดา โชว์ลีลาแบบว๊าวสุด..สุด

ทุกวันนี้การเล่นว่าวไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องธรรมดา ๆ อีกต่อไป เพราะว่าวในปัจจุบัน มีสมรรถนะที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยเพราะวัสดุอุปกรณ์ในการนำมาใช้เพื่อผลิตว่าว หรือวิธีการที่คิดค้นประดิษฐ์จัดทำจัดสร้างว่าวที่ซับซ้อนขึ้น จนบางทีทำให้ว่าวมีราคาสูงเป็นอย่างมาก และรวมไปถึงทักษะของผู้เล่น ที่ต้องมีการฝึกฝน ฝึกซ้อมไม่แพ้กีฬาในประเภทอื่น ๆ เลย

ว่าวสตั้นท์ อีกหนึ่งงานอดิเรกยอดนิยมของคนรักว่าว จัดเป็นว่าวที่ต้องการการบังคับแบบผาดโผน และมีความรวดเร็วเป็นอย่างมาก  จึงกลายมาเป็นที่นิยมในเวลาไม่นาน จนมีการแข่งขันว่าวประเภทนี้ขึ้น ซึ่งว่าวสตั้นท์นั้นมีทั้งแบบ สายป่านเดียว, แบบ 2 สายป่าน, และ แบบ 4 สายป่าน อีกทั้งยังมีการละเล่นแบบ ประเภทผู้เล่นเดี่ยว ประเภทคู่ และประเทภทีมด้วย
ว่าวสตั้นท์มักนิยมเล่นกันบริเวณชายหาดทะเล เนื่องจากมีขนาดใหญ่ มีความรวดเร็ว จึงต้องใช้พื้นที่ในการเล่นที่กว้าง เพื่อให้ได้โชว์ลีลาทั้งของตัวว่าว และของผู้บังคับว่าว โดยลีลาของตัวว่าวจะไม่ได้ขึ้นบินบนท้องฟ้าแล้วลอยอยู่นิ่ง ๆ  เฉย ๆ หรือเพื่อต้านลมธรรมดา หากแต่มันจะถูกบังคับโต้กับสายลมเบื้องบนอย่างคล่องแคล่ว ฉวัดเฉวียง และมีท่วงท่าตามการออกแบบจากผู้บังคับมัน ไม่ว่าจะเป็นกันม้วนตัวหลายตลบเป็นวงกลมแบบควงสว่าน หรือจะเป็นท่าโฉบจากบนลงล่างอย่างแรงและม้วนหัวกลับขึ้นข้างบนได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้เล่นได้ออกเหงื่อออกแรงกัน พร้อมร้อยยิ้มบนใบหน้าของความสนุกสนาน เพลินเพลินกันไปเลยทีเดียว

ส่วนประกอบและโครงสร้างของสตั้นท์ไคท์

โครงสร้างของว่าวจะประกอบไปด้วยส่วนต่าง ๆ แบ่งเป็น ส่วนหัวว่าวซึ่งเป็นจุดที่จะเสียหายง่าย หากไม่ชำนาญในการเล่นก็จะทำให้ส่วนหัวปักลงกระแทกพื้น ผู้เล่นใหม่ ๆ อาจหาอะไรมาเย็บหุ้มปิดอีกสักชั้นก็ได้ ส่วนของเส้นเดินโครงหรือก้านค้ำว่าว มี 4 ก้าน แบ่งเป็นด้านละ 2 ก้าน จะนิยมทำจากไฟเบอร์กลาส, แท่งคาร์บอน, และแท่งการ์ไฟต์ คล้าย ๆ โครงทำเต็นท์ หรือคันเบ็ดตกปลา ด้วยเพราะมีความทนทาน มีการยืดหยุ่นตัวสูง และที่สำคัญมีน้ำหนักเบา
ส่วนเส้นเดินโครงนี้ จะเป็นตัวรั้งว่าวส่วนบนให้ตึง ยิ่งตึงก็จะยิ่งทำให้มีเสียงดังเวลาที่ว่าวขึ้นบินลอยล่องอยู่บนอากาศ จากนั้นก็จะเป็นส่วนปีกทั้ง 2 ข้างของว่าว ส่วนต่ำลงมาก็จะเป็นเส้นเดินโครงด้านล่าง ลักษณะคล้ายกับเส้นเดินโครงด้านบน เป็นตัวช่วยรั้งส่วนว่าวด้านล่างให้ตึง อีกส่วนที่สำคัญคือส่วนที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Standoff  ที่มีลักษณะเป็นเสาสั้น ๆ ค้ำยันระหว่างตัวเนื้อผ้าของว่าว และส่วนโครงด้านล่าง ทำให้ว่าวดูมีชั้น มีมิติ เมื่อลมที่พัดมาปะทะก็จะกลายเป็นแรงดันด้านในให้ว่าวยกตัวสูงขึ้นก่อนที่ลมจะรอดไหล่ผ่านออกไป

นอกเหนือจากส่วนตัวโครงสร้างแล้วก็จะมีส่วนของตัวผ้าที่นำมาขึงกับตัวโครง ส่วนใหญ่นิยมใช้ผ้าไนล่อน ที่มีน้ำหนักเบา ต้านแรงลมได้ดี แต่แข็งแรงไม่ขาดง่าย อีกส่วนที่สำคัญคือส่วนที่เรียกว่า Tow Point เป็นจุดที่เชื่อมต่อเชือกว่าวสายป่านที่ผู้เล่นใช้บังคับ อย่างในส่วนของว่าวสตั้นท์แบบ 2 สายกับ 4 สาย นั้น ถ้าอยากให้ว่าวไปทิศทางซ้ายก็บังคับสายป่านทางด้านซ้าย ถ้าต้องการให้ไปทิศทางขวาก็บังคับสายป่านไปทางด้ายขวา จึงเป็นเสน่ห์ของว่าวชนิดนี้ ที่ทำให้ผู้เล่นบังคับทิศทางได้ตามต้องการเหมือนการถือพวงมาลัยบังคับเวลาขับรถยนต์ และยังสามารถบังคับขึ้นลงได้เหมือนเครื่องบินอีกด้วย