post

พลังงานสะอาด ที่เกิดขึ้นได้จากว่าว

เชื่อว่าเพื่อน ๆ พี่น้องที่มาอ่านบทความนี้คงเป็นคนที่ชอบเล่นว่าวไม่มากก็น้อย แล้วเคยคิดกันเล่น ๆ ไหมว่าลมแรง ๆ นั้นช่างมีอยู่ล้นเหลือไม่รู้จักหมดสิ้น และทำให้ว่าวของเราบินได้ทุกวี่ทุกวัน ถ้าอย่างนั้นหากสามารถใช้ลมกับว่าวนี้ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ก็คงดี สิ่งที่ว่าไปนี้เกิดขึ้นจริงแล้วในปัจจุบัน ทั้งยังเกี่ยวข้องกับการใช้ว่าวอีกด้วย นั่นคือการนำผลิตพลังงานไฟฟ้าจากลมโดยใช้ว่าว ซึ่งถือเป็นวิธีการสร้างพลังงานสะอาดที่เพิ่งถูกนำมาพัฒนาเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก่อนจะมาดูว่าว่าวผลิตพลังงานสะอาดได้ยังไง มาทำความรู้จักกับพลังงานสะอาดกันก่อน

พลังงานสะอาดคืออะไร

                พลังงานสะอาดคือพลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ สามารถนำมาใช้ได้ไม่มีวันหมด ต่างจากแหล่งพลังงานที่มนุษย์ใช้เป็นส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน ซึ่งนอกจากก่อให้เกิดก๊าซที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตต่างๆ แล้ว ยังเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน และยังเป็นเป็นแหล่งพลังงานที่ใช้แล้วหมดไป ต้องใช้เวลาอีกหลายล้านปีเพื่อจะสะสมขึ้นใหม่ใต้ผิวโลก

พลังงานลมทางเลือกแห่งอนาคต

                พลังงานสะอาดได้มาจากหลายแหล่ง เช่น แสงอาทิตย์ การขึ้นลงของน้ำทะเล ความร้อนใต้พื้นดิน และพลังงานลมก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งโดยปกติแล้วพลังงานลมมักได้จากการติดตั้งกังหันลมในพื้นที่ ๆ มีลมแรง เมื่อลมพัดให้กังหันหมุน ก็จะดึงให้หม้อแปลงปั่นไฟหมุนไปด้วยเกิดเป็นไฟฟ้า

                อย่างไรก็ตามปัจจุบันอีกทางเลือกสำหรับการนำพลังงานลมมาใช้นอกจากการใช้กังหันลมอันใหญ่ ๆ ที่เราคุ้นเคย นั่นคือการนำอุปกรณ์ที่เราคุ้นเคยอย่างว่าวมาใช้นั่นเอง

ว่าวสร้างพลังงานได้อย่างไร

                การนำว่าวมาช่วยในการนำพลังงานจากลมมาใช้นั้นโดยทั่วไปมีสองวิธี วิธีแรกคือการติดตั้งกังหันลมไว้บนว่าว โดยอาจเป็นกังหันที่มีน้ำหนักเบาและมีขนาดเล็ก ซึ่งเมื่อว่าวบินอยู่บนฟ้าก็ย่อมมีลมพัดผ่านกังหันก่อให้เกิดเป็นพลังงาน อีกวิธีหนึ่งคือการใช้การเคลื่อนไหวของว่าวเพื่อดึงเชือกที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่จะเปลี่ยนพลังงานจากแรงดึงของว่าวนี้เป็นพลังงานไฟฟ้า

ข้อดีของพลังงานจากว่าว

  • ว่าวสามารถบินไปบนท้องฟ้าซึ่งมีลมแรงกว่าบนพื้นดิน จึงสร้างพลังงานได้มากกว่า
  • สร้างมลพิษน้อยกว่าอุปกรณ์กังหันลมประเภทอื่น ๆ ทั้งยังมีอุปกรณ์ที่ต้องติดตั้งบนพื้นดินน้อย
  • ที่ความเร็วสูงมาก ๆ กังหันลมจำเป็นต้องปิดเพื่อป้องกันความเสียหาย ในขณะที่ว่าวสามารถใช้งานได้แม้มีพายุ
  • ระบบว่าวสามารถติดตั้งบนฐานที่ลอยอยู่ เช่นในมหาสมุทรได้ ในขณะที่กังหันลมทำไม่ได้
  • เนื่องจากอุปกรณ์ติดตั้งน้อย ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่เหตุด่วนหรือเกิดพิบัติภัย

แม้ว่าวจะเป็นอุปกรณ์ที่มีมานานแสนนาน แต่มันกลับไม่ใช่สิ่งที่ล้าสมัยและไร้ประโยชน์ เพราะนับวันเราก็ยิ่งเห็นประโยชน์ของมันมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นอย่าเพิ่งมองว่ามันเป็นสิ่งล้าสมัยและเลิกสนใจกันไปเสียก่อน มาเล่นว่าวกันให้สนุกและก่อให้เกิดประโยชน์กันดีกว่า


post

ตกปลาด้วยว่าว เมื่อว่าวกลายเป็นกิจกรรมบนท้องทะเล

ว่าวดูเหมือนจะเป็นกิจกรรมสำหรับเล่นบนบก แต่รู้หรือไม่ว่าสำหรับนักตกปลาแล้วว่าวคือสิ่งที่ควรนำไปเล่นที่ทะเล ทะเลสาบ แหล่งน้ำต่าง ๆ แต่ไม่ใช่เพื่อความบันเทิงเท่านั้น มันถูกใช้เพื่อการตกปลาด้วยเทคนิคที่มีชื่อว่า Kite fishing

ว่าวช่วยนักตกปลาอย่างไร

                Kite fishing เป็นหนึ่งในเทคนิคการตกปลาที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่นิยม เนื่องจากปลาบางชนิด เช่น ปลาดาบ ปลากระโทงร่ม ปลาทูน่า ชอบมองหาเหยื่อที่อยู่ใกล้ผิวน้ำ นอกจากนั้นปลาบางชนิดยังมักไม่กินเหยื่อเมื่อมองเห็นสายเอ็นของเบ็ดตกปลา เทคนิค Kite fishing ช่วยให้เหยื่อลอยอยู่ใกล้ผิวน้ำ นอกจากนั้นยังทำให้เอ็นตกปลาลอยอยู่เหนือน้ำ จึงเหมาะกับการตกปลาแบบที่กล่าวไปเป็นอย่างดี

                นอกจากนั้นเทคนิคนี้ยังช่วยให้นักตกปลาสามารถตกปลาในน้ำที่ค่อนข้างลึกได้โดยไม่ต้องออกเรือ และในกรณีที่ออกเรือ เทคนิคนี้ยังช่วยให้สามารถตกปลาในบริเวณที่เรือเข้าไม่ถึงหรือเป็นอันตราย เช่น บริเวณน้ำตื้นเพราะมีโขดหิน หรือมีแนวปะการัง

อุปกรณ์เสริมสำหรับว่าวตกปลา

                นอกจากอุปกรณ์ตกปลาปกติ เช่น คันเบ็ด เหยื่อตกปลาแล้ว อุปกรณ์เสริมที่ต้องใช้สำหรับการตกปลาด้วยเทคนิค kite fishing ได้แก่

  • ว่าว
  • เชือกว่าว
  • คันเบ็ดสำหรับปล่อยว่าว มีหน้าตาคล้ายเบ็ดตกปลา แต่สั้นและหนักกว่า
  • รอกสำหรับเชือกว่าว
  • อุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อเชือกว่าวกับเอ็นของเบ็ดตกปลา

ว่าวที่ใช้สำหรับเทคนิคนี้ต้องออกแบบเป็นพิเศษ โดยมักมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมรูปว่าว มีความทนทานต่อลมแรง และมีความหลากหลายสำหรับใช้ในลมที่มีความเร็วแตกต่างกันไป

ขั้นตอนการใช้ว่าวตกปลา

  1.  เริ่มจากการปล่อยว่าวโดยเชือกว่าวจะพันอยู่กับรอกซึ่งเชื่อมอยู่กับคันเบ็ดสำหรับปล่อยว่าวในลักษณะเดียวกับเบ็ดตกปลา
  2. เกี่ยวเหยื่อกับเบ็ดตกปลา ซึ่งมักใช้เหยื่อเป็น ๆ จากนั้นนำเอ็นตกปลาและเชือกว่าวมาเชื่อมต่อกันด้วยอุปการณ์เชื่อมต่อ แล้วปล่อยเหยื่อลงสู่น้ำ
  3. เมื่อปลาฮุบเหยื่อ ว่าวที่ลอยอยู่จะถูกดึงลงน้ำพร้อมกัน ซึ่งทำให้นักตกปลารู้ได้ทันทีว่าถึงเวลาเย่อกับปลาแล้ว

ความยากของการใช้ว่าวช่วยตกปลา

  1. อุปกรณ์และการติดตั้งอาจดูยุ่งยากเพราะมีรายละเอียดและเทคนิคหลายอย่าง ซึ่งหากเรียนรู้จนพอเข้าใจก็จะง่ายขึ้นหลังจากนั้น
  2. การตกปลาบนเรือใหญ่ อาจทำให้การปล่อยว่าวทำได้ยากเพราะตัวเรือบังลม ในกรณีนี้ต้องหันเรือไปยังด้านที่ลมพัดว่าวได้ในตอนเริ่ม แล้วเมื่อว่าวขึ้นแล้วค่อยหันเรือ
  3. หลังจากปลาฮุบเหยื่อว่าวจะตกลงสู่น้ำ ซึ่งหากไม่รีบเก็บว่าวก็จะจบลงสู่ก้นทะเล ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปงมเก็บ นักตกปลาที่ใช้เทคนิคนี้จึงมักผูกลูกโป่งกับว่าวเพื่อให้มันจมน้ำนั่นเอง

การเล่นว่าวนอกจากจะเป็นกิจกรรมเพื่อความสนุกสนานแล้ว ยังมีประโยชน์อย่างอื่นอีกมากมาย ซึ่งนี่เป็นเพียงหนึ่งอย่างเท่านั้น หากผู้อ่านสนใจก็สามารถไปศึกษาเพิ่มเติมได้ รับรองว่ามันจะทำให้การเล่นว่าวของคุณสนุกกว่าเดิม


post

ไม่มีลมแล้วไง รู้จักกับว่าวที่เล่นได้แม้ไม่มีลมกันเถอะ

เคยไหมที่วันที่ตั้งใจจะออกไปเล่นว่าว ฝนดันเทลงมาซะอย่างนั้น วันต่อมาฝนไม่ตกแต่อากาศดันนิ่งจนว่าวลอยจากพื้นไม่ขึ้นซักนิด พอวันถัดมาลมแรงดี แต่แดดดันร้อนเปรี้ยงจนผิวคุณไหม้เป็นแถบ ๆ อุปสรรคเรื่องสภาพอากาศเป็นของคู่กันกับนักเล่นว่าวเสมอ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะเราจะพาคุณไปรู้จักกับการเล่นว่าวแบบไร้ลมกัน

หลักการของว่าวไร้ลม

                หลักการของการเล่นว่าวแบบไร้ลมหรือว่าวสำหรับเล่นในร่มนั้นง่ายมาก และเป็นสิ่งที่คนเล่นว่าวน่าจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วเพราะมันคือหลักการเดียวกับการนำว่าวขึ้น นั่นคือแทนที่จะรอให้ลมพัดมาหาว่าวแล้วยกมันลอยขึ้น ผู้เล่นจะต้องพาว่าวเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงข้ามกับว่าว เช่นเดินถอยหลังหรือกระตุกเชือกอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ทำให้อากาศที่อยู่นิ่งเสมือนกับว่าเคลื่อนที่สวนทางกับว่าว และทำให้มันลอยขึ้นได้นั่นเอง

ว่าวที่จะนำมาเล่นในสภาพแวดล้อมที่มีลมน้อยหรือไม่มีลมเลย มักมีการออกแบบต่างจากว่าวทั่วไปอย่างว่าวจุฬา ว่าวดุ๊ยดุ่ย เช่น ใช้รูปทรงที่ช่วยให้มันลอยตัวได้ง่ายแบบเดียวกับเครื่องร่อนหรือปีกของเครื่องบิน และออกแบบให้สามารถควบคุมทิศทางได้ง่าย

ข้อดีของว่าวไร้ลม

                ว่าวไร้ลมจะต้องอาศัยการเคลื่อนที่ของผู้เล่น ดังนั้นจึทำให้เกิดความเมื่อยล้าและเล่นได้ไม่นานเท่ากับการเล่นว่าวแบบใช้ลม แต่ข้อดีของมันคือผู้เล่นสามารถควบคุมว่าวได้ทั่วทิศทางรอบตัว ไม่ว่าจะบินวนเป็นวงกลม ขึ้นจากข้างล่างขึ้นข้างบน หรือแม้แต่แสดงท่าทางลีลาไม่ต่างกับการบินผาดโผนของเครื่องบินเลยทีเดียว

ข้อดีดังกล่าวทำให้การเล่นว่าวในร่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขนาดมีการนำมาแสดงตามเวทีต่าง ๆ หรือมีการจัดการแข่งขันในฐานะกีฬาประเภทหนึ่งเลยทีเดียว

มาลองทำว่าวไร้ลมอย่างง่ายกันเถอะ

อุปกรณ์

  • กระดาษขนาด 8.5 x 11 นิ้ว 1 แผ่น
  • หลอด 1 อัน
  • กระดาษย่นยาว 3 ฟุต
  • เชือกยาว 5 ฟุต
  • กรรไกร
  • ที่เจาะกระดาษ
  • ไม้บรรทัด
  • ดินสอ
  • มาสกิ้งเทป

ขั้นตอนการทำ

  1. วางกระดาษในแนวนอน พับครึ่ง จากนั้นมาร์คจุดห่างจากขอบบนและล่างของกระดาษ โดยด้านบนให้ห่างจากมุมซ้าย 1 นิ้ว ขอบล่างให้ห่างจากมุมขวา 1 นิ้ว แล้วลากเส้นเชื่อมจุดทั้งสอง
  2. พลิกกระดาษและมาร์คจุดและลากเส้นแบบเดียวกัน สังเกตุว่าเส้นบนทั้งสองด้านของกระดาษจะต้องอยู่ในตำแหน่งซ้อนทับกันพอดี
  3. พับกระดาษตามเส้นที่ขีดไว้ทั้งสองด้าน แล้วนำมาสกิ้งเทปมาปิดทับรอยพับทั้งสองด้านให้ติดกัน
  4. จนถึงข้อนี้หากนำขอบกระดาษด้านที่พับครึ่งตั้งแต่ข้อ 1 ทาบลงที่พื้น แล้วด้านตรงข้ามกางออกเป็นสี่เหลี่ยมรูปว่าวได้ถือว่าถูกต้อง
  5. นำหลอดมาติดที่ด้านสั้นของสี่เหลื่ยมรูปว่าว แล้วปิดทับด้วยมาสกิ้งเทป
  6. พลิกขอบด้านล่างขึ้น มาร์คจุดห่างจากขอบด้านหน้าของว่าว โดยให้ห่างจากขอบด้านยาว 2.75 นิ้ว และห่างจากขอบด้านกว้าง 0.5 นิ้ว ติดเทปกาวทับจุดมาร์คแล้ว เจอรู แล้วร้อยเชือกที่รูดังกล่าว
  7. ติดกระดาษย่นที่ด้านท้ายเพื่อเป็นหางของว่าว

คงรู้กันแล้วใช่ไหมว่าแม้วันที่ไร้ลมก็เล่นว่าวได้ แถมว่าวไร้ลมอย่างง่ายก็ทำได้ไม่ยากเลย ดังนั้นอย่าลืมเอาไปลองทำกันดูล่ะ แล้วคุณจะสนุกกับการเล่นว่าวได้ทุกวัน


post

แชมป์ว่าว เรื่องของว่าวกับสถิติโลก

ในยุคสมัยแห่งการแข่งขันอย่างในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเรื่องไหน ๆ ก็มักจะมีผู้ที่พยายามสร้างสถิติที่เหนือกว่าผู้อื่นอยู่เสมอ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของการเล่นว่าว และในบรรดาสถิติที่มีทั้งหมด นี่คือที่สุดของโลกเท่าที่เคยมีมา

ว่าวที่ใหญ่ที่สุดในโลก

                หลายคนอาจเคยเห็นว่าวที่ใหญ่เท่าคนหรือแม้แต่เท่าบ้านมาก่อน แต่รู้หรือไม่ว่าว่าวใหญ่ที่สุดที่เคยบินขึ้นสู่ท้องฟ้าใหญ่มหึมากว่านั้นมาก ว่าวที่ว่าบินขึ้นสู่ท้องฟ้าในงานเทศกาลคูเวท ฮาลา (Kuwait Hala Festival) โดยมันมีหน้าตาเป็นรูปธงคูเวท ขนาดที่ถูกบันทึกเมื่อวางราบกับพื้นมีพื้นมีด้านกว้าง 25.475 เมตร ด้านยาว 40 เมตร มีพื้นรวม 1019 ตารางเมตร หากจะเทียบให้เห็นภาพชัด ๆ ก็ขนาดประมาณสนามบาส 2 สนาม ที่นำด้านยาวมาประกบกัน นอกจากนั้นว่าวดังกล่าวยังลอยอยู่บนอากาศได้นานถึง 20 นาทีเลยทีเดียว

ว่าวที่บินสูงที่สุดในโลก

                การทำให้ว่าวบินได้สูงที่สุดอาจเป็นเป้าหมายของใครหลายคนที่หยิบว่าวขึ้นมาเล่น แต่คงมีอยู่ไม่มากที่คิดจะพามันขึ้นไปสูงเท่ากับชายชาวออสเตรเลียที่มีชื่อว่าโรเบิร์ต มัวร์ (Robert Moore) โดยเขาทำได้สำเร็จหลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง และบันทึกสถิติความสูงได้ถึง 4879.54 เมตร ความสูงดังกล่าวเป็นครึ่งหนึ่งของความสูงที่เครื่องบินจัมโบ้เจ็ทขึ้นไปถึงขณะบินส่งผู้โดยสารเลยทีเดียว

ว่าวที่บินเร็วที่สุดในโลก

                หากใครเป็นสิงห์นักบิดหรือบรรดานักแข่งยานพานพาหนะที่ใช้ความเร็วทั้งหลาย คงจะรู้ว่าความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นั้นไม้น้อยเลยทีเดียว แต่รู้หรือไม่ว่ามีว่าวที่เคยบินด้วยความเร็วขนาดนี้ได้สำเร็จ โดยมันเป็นว่าวสตั้นท์แบบ 2 สาย ที่บังคับโดยชายที่ชื่อพีท ดิ จาโกโม (Pete Di Giacomo) ซึ่งเขาทำสถิตินี้ไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ.1989

ว่าวที่บินได้นานที่สุดในโลก

                การจะทำให้ว่าวบินอยู่บนท้องฟ้าได้นานเป็นหนึ่งในสิ่งท้าทายอย่างมาก เพราะส่วนของตัวว่าวและเชือกว่าวต้องทนต่อลมแรงเป็นเวลานานโดยไม่ขาดได้ แต่รู้หรือไม่ว่าว่าวที่ถูกพัฒนาโดยทีมจากวิทยาลัยชุมชนเอ็ดมันด์ เคยบินค้างอยู่บนท้องฟ้าได้นานถึง 180 ชั่วโมง 17 นาที

ปล่อยว่าวขึ้นบินพร้อมกันมากที่สุดในโลก

                สำหรับคนที่เล่นว่าวเป็นงานอดิเรก การนำมันขึ้นบินแค่ตัวเดียวก็อาจเป็นเรื่องยากลำบากอยู่แล้ว แต่กับชายชาวจีนชื่อว่าหม่า ชิงหัว (Ma Qinghua) กลับเลือกที่จะทำมากกว่านั้น โดยเขานำว่าวขึ้นพร้อมกันทีเดียวมากถึง 43 ตัวพร้อมกัน ทั้งยังถือสายของว่าวทุกตัวด้วยตัวเองด้วย

ส่วนอีกสถิติหนึ่งเป็นของเด็กชายมัธยมต้นชาวญี่ปุ่น ซึ่งผูกว่าว 15,585 ตัว ไว้กับเชือกเส้นเดียว โดยเว้นระยะห่างตัวละ 28 เซนติเมตร จากนั้นก็นำพวกมันขึ้นบินพร้อมกันในครั้งเดียว 

                การพยายามสร้างสถิติโลกใหม่ ๆ เป็นเรื่องดีอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมันท้าทายให้นักเล่นว่าวและนักพัฒนาว่าวมุ่งมั่นที่จะพัฒนาหลักการ ฝีมือ หรืออุปกรณ์สำหรับว่าวให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ดังนั้นหากใครอยากลองทำลายสถิติเหล่านี้ดูบ้างก็คงไม่เสียหายอะไร  แต่อย่าลืมที่จะสนุกไปกับมันด้วยล่ะ

post

ว่าว สายล่อฟ้าชิ้นแรกของมนุษยชาติ

หลายคนที่เคยเล่นว่าวคงจะรู้ดีว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่ให้ความบันเทิงเริงรมย์ในวันที่ฟ้าแจ่มใส ลมพัดเย็นสบาย โดยเฉพาะในฤดูร้อนและฤดูหนาว แต่คงมีน้อยคงนักที่จะหยิบมันมาเล่นในวันที่ฝนฟ้าคะนอง เพราะนอกจากว่าวจะเปียกจนลอยไม่ขึ้นแล้ว คนเล่นก็อาจถูกฟ้าผ่าจนไหม้เป็นตอตะโกไปเสียก่อน แต่รู้หรือไม่ว่าหนึ่งในการค้นพบครั้งสำคัญของมนุษยชาติเกิดขึ้นเพราะการเล่นว่าวกลางพายุฝน

ว่าวกับการทดลองกลางพายุฝน

                นับตั้งแต่โบราณมนุษย์รู้จักไฟฟ้ามาช้านานจากปรากฏการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะจากการถูกปลาไหลไฟฟ้าช็อต การที่ก้อนอัมพันสามารถดูดวัตถุเล็ก ๆ ได้หลังจากถูกับขนสัตว์ แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะนำสิ่งนี้มาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร จะกักเก็บมันไว้ใช้ได้อย่างไร หรือแม้กระทั่งไฟฟ้าและสายฟ้าที่เกิดขึ้นยามฝนตกเป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่

                ในปีค.ศ. 1752 เบนจามิน แฟรงคลิน (Benjamin Franklin) นักฟิสิกส์ชาวอเมริกาได้ทำการทดลองกักเก็บไฟฟ้า โดยการผูกกุญแจโลหะเข้ากับเชือกว่าวที่ทำจากใยป่านที่เปียกชุ่มกลางสายฝน ในขณะที่แฟรงคลินคอยถือเชือกที่ทำจากใยไหมอยู่ในเพิง แล้วปล่อยให้ว่าวลอยสูงขึ้นไปบนเมฆขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง

                เมื่อกุญแจโลหะซึ่งเป็นตัวนำไฟฟ้าอย่างดีลอยไฟใกล้กับก้อนเมฆซึ่งเต็มไปด้วยประจุไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าก็แล่นลงมาตามเชือกของว่าว จากนั้นก็ถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์กักเก็บไฟฟ้าที่เรียกว่าขวดแก้วไลเดน (Leyden jar)

                การทดลองเล่นว่าวกลางสายฝนนี้เองทำให้แฟรงคลินพิสูจน์ได้ว่าฟ้าผ่าและปรากฏการณ์ทางไฟฟ้าอื่น ๆ เป็นสิ่งเดียวกัน นอกจากนั้นยังนำไปสู่การพัฒนาอุปกรณ์กักเก็บไฟฟ้าต่าง ๆ เช่น แบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า

ว่าวกับอันตรายจากฟ้าผ่า

                แม้ว่าเบนจามิน แฟรงคลินจะรอดจากการเล่นว่าวกลางสายฝนมาได้ เพราะพวกเขาใช้เชือกสองเส้น แต่ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเท่าไหร่หากใครจะนึกสนุกอยากลองเล่นว่าวกลางสายฝนเหมือนกับเขาบ้าง

                ฟ้าผ่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดเมื่อละอองน้ำในก้อนเมฆชนกันไปมา แล้วปลดปล่อยประจุลบหรืออิเล็กตรอนออกมา เมื่อประจุดังกล่าวสะสมเพิ่มขึ้นจนมีจำนวนมาก ซึ่งมักเกิดขึ้นเวลามีพายุฝนฟ้าคะนอง ประจุลบเหล่านี้ก็มักวิ่งเข้าหาประจุบวก ซึ่งมีอยู่มหาศาลบนพื้นดิน เกิดเป็นปรากฏการณ์ฟ้าผ่า

แต่ประจุลบเหล่านี้ก็ชอบที่จะวิ่งเข้าหาประจุบวกที่อยู่ใกล้มากกว่าประจุบวกที่อยู่ไกล ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดฟ้าผ่าใส่วัตถุที่อยู่สูงหรือมียอดแหลม เช่น ต้นไม้ใหญ่ หรือยอดตึกสูงจึงมีมากกว่า ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงว่าวซึ่งลอยสูงเสียดฟ้าว่ามีโอกาสถูกฟ้าผ่าสูงขนาดไหน

                จากสถิติในประเทศไทยมีผู้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงจากการถูกฟ้าผ่าตั้งแต่ปีพ.ศ.2554-2558 สูงถึง 154 คน เสียชีวิตสูงถึง 38 คน แม้จะดูเหมือนเป็นตัวเลขที่ไม่มาก แต่ก็บอกได้ว่าอันตรายจากฟ้าผ่ามีมากแค่ไหน ดังนั้นสำหรับคนที่ชื่นชอบการเล่นว่าวแล้ว ควรจะระมัดระวังให้ดี อย่าได้ริลองเล่นว่าวเวลาฝนตกเป็นอันขาดเชียว

post

ทำไมว่าวถึงลอยขึ้นไปบนฟ้าได้?

จริง ๆ แล้วว่าวถือว่าเป็นเครื่องบินชนิดหนึ่งที่ไม่มีเครื่องยนต์ ดังนั้นจึงต้องใช้แรงลมมาช่วยให้ว่าวสามารถบินขึ้นไปบนฟ้าได้ ตัวว่าวจะถูกยึดติดกับพื้นด้วยสายป่าน เมื่อว่าวถูกสายลมพัดพาให้ลอยออกไปจนสุดสายป่านแล้ว จึงจะสามารถลอยขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากสายป่านจะช่วยให้ว่าวลอยขึ้นไปเมื่อตัวว่าวกระทบกับแรงลมแล้ว ยังสามารถช่วยไม่ให้ว่าวลอยหายไปกับสายลมได้อีกด้วย

ปัจจัยที่ทำให้ว่าวลอยสามารถบินได้

ปัจจัยที่ทำให้ว่าวสามารถบินได้มีทั้งหมด 4 ปัจจัย นั่นก็คือ แรงโน้มถ่วง แรงยก แรงขับและแรงต้าน

แรงโน้มถ่วงจะดึงทุกอย่างเข้าสู่แกนกลางของโลก ทำให้วัตถุต่าง ๆ ตกลงบนพื้น ด้วยกฏของแรงโน้มถ่วงนี้ทำให้ยิ่งว่าวมีน้ำหนักเท่าไหร่ ก็จะบินขึ้นฟ้าได้ยากเท่านั้น ว่าวส่วนมากจึงทำจากวัตถุที่มีน้ำหนักเบา ทำให้สามารถบินได้ง่ายขึ้น

เหตุผลที่ทำให้ว่าวสามารถลอยขึ้นไปบนอากาศได้

กฏที่ช่วยไม่ให้ว่าวตกลงมาสู่พื้นก็คือปัจจัยที่เรียกว่า “แรงยก” ซึ่งแรงยกนี้จะดันว่าวให้ห่างจากพื้นโลก แรงยกนี้จะเกิดขึ้นเมื่อแรงลมที่พัดเหนือว่าวมีความเร็วมากกว่าแรงลมที่พัดใต้ว่าว นักวิทยาศาสตร์ในช่วงศตวรรษที่ 18 ที่ชื่อ Daniel Bernoulli ได้ค้นพบความกดอากาศจะลดน้อยลงในระหว่างที่อากาศกำลังเคลื่อนที่ ยิ่งอากาศเคลื่อนที่เร็วเท่าไหร่ ความกดอากาศก็จะยิ่งลดลงเท่านั้น เมื่อลมผ่านตัวว่าว ลมที่ลงไปด้านล่างของว่าวจะเคลื่อนที่ช้ากว่าลมพัดที่ขึ้นไปบนด้านบนของว่าว

ยิ่งแรงลมที่พัดเหนือว่าวมีความเร็วมากเท่าไหร่ แรงกดอากาศก็จะยิ่งลดต่ำลงเท่านั้น เมื่อแรงกดอากาศด้านบนว่าวลดต่ำลง แรงกดอากาศด้านล่างของว่าวจะดันตัวว่าวขึ้นไปเพื่อจะทำให้แรงกดอากาศทั้งด้านบนและด้านล่างของว่าวเท่ากัน ยิ่งด้านบนและด้านล่างของว่าวมีความกดอากาศที่แตกต่างกันมากเท่าไหร่ ว่าวก็จะลอยตัวในอากาศได้ดีขึ้นเท่านั้นเพราะมีแรงยกช่วยนั่นเอง

ในขณะที่นกบินได้เพราะแรงตีของปีก เครื่องบินก็ใช้เครื่องยนต์ในการดันอากาศไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็วจนทำให้เครื่องบินสามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ เราจะเห็นว่าปัจจัยที่ทำให้ทั้งนกและเครื่องบินวิ่งผ่านอากาศไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วก็คือแรงขับ ยกตัวอย่างในกรณีของนกที่ใช้พลังของกล้ามเนื้อในการสร้างแรงขับขึ้นมา ส่วนว่าวไม่สามารถสร้างแรงขับเองได้ เมื่อว่าวถูกสายลมพัดให้ปลิวไป จึงต้องอาศัยสายป่านในการยึดให้ว่าวอยู่กับที่และสวนทางกับสายลม จึงจะสามารถค่อย ๆ เกิดแรงขับขึ้นเพื่อขับตัวเองขึ้นไปบนอากาศได้

จริง ๆ แล้วหากไม่มีสายลมที่แรงพอเพื่อที่จะดันให้ว่าวลอยขึ้นไปบนอากาศได้ เราก็สามารถวิ่งเร็ว ๆ ต้านกระลมแทนก็ได้ แต่อาจจะต้องใช้เพื่อนอีกคนที่ช่วยจับว่าวอยู่อีกด้านหนึ่งเพื่อเป็นแรงส่ง ทำให้ว่าวสามารถลอยขึ้นไปได้ง่ายขึ้น

post

เรื่องราวน่าสนุกของการแข่งว่าว ที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน

การแข่งว่าวเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมในประเทศแถบเอเชีย เช่น บังกลาเทศ ปากีสถาน อินเดีย เนปาล ไทย เกาหลีและอัฟกานิสถาน โดยการแข่งว่าวถือเป็นกีฬาที่ตื่นเต้นผาดโผนและมีการใช้ว่าวเป็นอุปกรณ์สำคัญในการแข่งขัน

ว่าวสำหรับการแข่งขันจะต้องเป็นว่าวที่มีน้ำหนักเบาและทำจากกระดาษบาง ๆ ตัวโครงว่าทำจากไม้ที่มีความยืดหยุ่นและมีน้ำหนักเบาเช่นกัน ส่วนมากมักทำมาจากไม่ไผ่

นอกจากทวีปเอเชียแล้ว อเมริกาเองก็มีการแข่งว่าวเช่นเดียวกัน โดยวัสดุที่นำมาทำว่าวส่วนมากจะเป็นวัสดุสังเคราะห์ เช่น แผ่นไนลอนและโพลีเอสเตอร์ เป็นต้น

สายป่านเป็นกุญแจสำคัญในการทรงตัวของว่าว

เมื่อว่าวลอยขึ้นไปในอากาศ ความกดอากาศจะทำให้ว่าวเปลี่ยนรูปไป อีกทั้งยังทำให้ตัวว่าวทรงตัวได้อย่างเสถียร เมื่อสายป่านว่าวเริ่มหย่อน ว่าวจะไม่เสถียร หากเราปล่อยสายป่านว่าวออกมามากขึ้นก็จะยิ่งทำให้สายป่านว่าวหย่อน หากว่าวทรงตัวไม่ดีก็จะทำให้ตัวว่าวหมุนเคว้งไปกับลม หากสายป่านตึง ก็จะทำให้

เมื่อว่าวลอยตัวสูงขึ้นไปในอากาศ ความกดอากาศด้านบนจะทำให้ว่าวเสียรูปไปก็จริง แต่ก็จะส่งผลให้ว่าวสามารถคงตัวได้ดีบนอากาศ นอกเหนือจากความกดอากาศแล้ว ความตึงของสายป่านก็สำคัญในการทรงตัวของว่าว หากผู้เล่นปล่อยเชือกสายป่านออกมามากเกินไปจนสายป่านว่าวหย่อน ก็จะทำให้ว่าวหมุนเคว้งในอากาศได้ ดังนั้นจึงควรคุมสายป่านว่าวให้ตึงอยู่เสมอ เมื่อสายป่านว่าวตึงแล้ว ผู้เล่นก็จะสามารถควบคุมทิศทางของว่าวได้ดีขึ้น

กฏของการการแข่งว่าว

การแข่งว่าวมีกฏคือผู้เข้าแข่งขันต้องตัดสายป่านของว่าวฝั่งตรงข้ามให้ขาด สามารถแข่งได้ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป สามารถแข่งได้ทั้งผู้เล่นแบบเดี่ยวหรือแบบทีม โดยผู้ที่สามารถควบคุมว่าวของตนเองให้ลอยอยู่บนอากาศได้เป็นคนสุดท้ายของการแข่งขันก็คือผู้ชนะ จริง ๆ แล้วการแข่งว่าวถือเป็นการแข่งขันที่ค่อนข้างอันตรายเพราะว่าสายป่านว่าวมีความคมมากจนสามารถตัดคอมนุษย์ให้ขาดได้เลย

การแข่งว่าวในประวัติศาสตร์

นอกจากว่าวจะมีความผูกพันกับชาวโพลีเชี่ยนที่อาศัยอยู่ในเขตโอเชียเนีย มหาสมุทรแปซิฟิก จากตำนานเทพเจ้าพี่น้องทั้ง 2 องค์ที่เคยแนะนำให้มนุษย์รู้จักการใช้ว่าวในการต่อสู้กัน ชาวมาเลย์ในยุคแรก ๆ หรือช่วงประมาณศตวรรษที่ 15 ของจดหมายเหตุมาเลย์ ได้บันทึกเรื่องราวของเจ้าชาย Rajah Ahmad ซึ่งเป็นพระโอรสองค์ใหญ่ในสุลต่าน Mahmud แห่งมะละกา ได้เคยใช้ว่าวขนาดใหญ่ตัดสายป่ายและเอาชนะว่าวทุกตัวด้วยการตัดบินโฉบเพียงครั้งเดียว เนื่องจากพระองค์ได้ใช้สายเอ็นตกปลามาทำเป็นสายป่านว่าว สายป่านว่าวจึงคมและมีความแข็งแรงมาก วันต่อมา เจ้าชาย Rajah เข้าร่วมการแข่งขันเช่นเดิม แต่คราวนี้ถูกว่าวที่เล็กกว่าของ Hang Isa Pantas ที่ได้ทาแก้วที่ป่นเป็นผงกับยางเหนียว ๆ จากในป่าเอาไว้ที่สายป่านของตนเอง เมื่อว่าวของเจ้าชายพยายามตัดสายป่านว่าวของ Hang Isa Pantas ว่าวของเจ้าชายจึงขาดออกและร่วงลงพื้นทันที

post

ว่าว Box Kite ว่าวสวย ๆ ที่ทำไม่ยาก

ว่าว Box Kite หรือเรียกอีกอย่างว่า ว่าวกล่อง เป็นว่าวอีกรูปแบบหนึ่งที่มีรูปทรงและขนาดมากมายหลากหลาย แต่ต่างก็มีพื้นฐานรูปแบบเดียวกันคือเป็นรูปทรงเหลี่ยมคล้ายกับกล่อง โดยว่าวกล่องถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการเอาออกมาเล่นในช่วงกลางวันที่มีลมแรงเป็นพิเศษและมีท้องฟ้าแจ่มใสปลอดโปร่ง ด้วยความที่มีสายป่านว่าวทั้งหมด 4 สายผูกไว้ตามแต่ละด้านของว่าวก่อนจะลงมารวมกันเป็นสายป่านสายเดียวสำหรับให้ผู้เล่นควบคุม มีการเปิดปลายด้านแต่ละด้านของว่าวและเปิดพื้นที่ตรงกลางของว่าวเอาไว้ให้ลมผ่านได้อย่างสะดวก นอกจากนั้นความสนุกของการทำว่าวกล่องคือด้วยความที่เป็นรูปทรงแบบกล่องนี้เองทำให้ว่าวกล่องสามารถถูกออกแบบมาให้เป็นรูปทรง 3 มิติได้ ยกตัวอย่างลักษณะการออกแบบว่าวกล่องที่ได้รับความนิยมเช่น ทรงสามเหลี่ยม ดวงดาว หรือเกล็ดน้ำแข็ง เป็นต้น

อุปกรณ์สำหรับทำว่าวกล่อง

  1. เดือยไม้ ยาว 36 นิ้ว จำนวน 4 ชิ้น
  2. เดือยไม้ ยาว 14 นิ้ว จำนวน 4 ชิ้น
  3. เชือก
  4. กรรไกร
  5. พลาสติกแรป
  6. เทปหนังไก่
  7. มีดคัทเตอร์
  8. ดินสอ

วิธีการทำว่าวกล่อง

  1. ตัดปลายของไม้แต่ละชิ้นให้เป็นรูปตัว V โดยใช้คัทเตอร์ เพื่อที่จะล็อคให้เดือยแต่ละด้านเชื่อมต่อกัน
  2. จากนั้นนำเดือยไม้ขนาด 14 นิ้วไขว้กันเป็นรูปตัว X ให้ได้มุมเท่ากัน ก่อนจะใช้เทปหนังไก่หรือเชือกเชื่อมตรงจุดที่เดือยไม้ทั้งสองตัดกันให้แน่นหนาที่สุด
  3. นำเดือยไม้อีก 2 แท่งที่เหลือมาทำอย่างเดียวกัน
  4. นำเดือยไม้ยาว 36 นิ้ว จำนวน 4 ชิ้นเชื่อมกับปลายไม้ตัว X ทั้ง 2 ตัวเข้าไว้ด้วยกัน โดยให้เดือยไม้ยื่นออกไปนอกตัว X ด้านละ 8 นิ้ว
  5. วางว่าวลงกับพื้น ก่อนจะใช้ พลาสติกแรป พันทั้งด้านบนและด้านล่างของกล่องประมาณ 10 นิ้ว โดยเปิดปลายของกล่องทั้งสองด้าน และเปิดพื้นที่ตรงกลางของกล่องที่มีความยาว 16 นิ้วเอาไว้
  6. นำสายป่านว่าวผูกที่ตรงจุดเชื่อมของตัว X กับด้านไม้ยาวที่ด้านหนึ่งของกล่อง ทั้งหมด 4 เส้น ก่อนจะนำมารวมกันเป็นสายป่านว่าวสายเดียว โดยสายป่านควรจะมีความยาวประมาณ 6 เมตร
  7. ตกแต่งว่าวกล่องตามใจชอบ

แน่นอนว่าขนาดและรูปทรงของว่าวกล่องสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความต้องการของผู้ทำว่าว แต่หากเป็นมือใหม่ก็ควรจะทำตามคำแนะนำนี้ไปก่อน จนกว่าจะทำความเข้าใจศาสตร์ของ aerodynamics หรือ อากาศพลศาสตร์ ดีแล้ว จึงจะสามารถปรับขนาดและรูปทรงของว่าวกล่องได้ตามใจชอบได้ เพื่อให้ว่าวสามารถลอยขึ้นไปบนอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การทำว่าวกล่องนั้นแม้จะซับซ้อนสักหน่อย แต่จริง ๆ แล้วทำไม่ยากเลย สามารถทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน อีกทั้งยังมีอุปกรณ์ก็หาง่าย ใช้เวลาเพียงไม่นานก็จะได้ว่าวกล่องที่สวยแปลกไม่เหมือนใครไปเล่นข้างนอกบ้านในวันที่มีลมแรงกับครอบครัวหรือเพื่อนแล้วล่ะ

post

ว่าวแบบ Flat Kite คืออะไร? มาทำความรู้จักกัน

ว่าวแบบ Flat เป็นว่าวพื้นฐานที่สามารถทำได้ง่ายและไม่ซับซ้อน โดยเป็นว่าวชั้นเดียว มีกล่องและสายป่านว่าวที่ช่วยให้ว่าวสามารถลอยขึ้นไปบนอากาศได้อย่างสมดุล อาจจะมีการเพิ่มหาง กระดูกงูหรือช่องรับลมให้ว่าวแบบ Flat ทรงตัวได้ดีขึ้นและมีความสวยงามมากขึ้น ด้วยความที่ว่าวแบบ Flat เป็นว่าวรูปแบบดั้งเดิม จึงได้มีการต่อยอดออกเป็นว่าวที่มีรูปทรงมากมายหลากหลาย หนึ่งรูปทรงที่เป็นที่นิยมมาก ๆ ก็คือว่าวทรงเพชร ว่าว Della Porta ที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากจากทางตะวันตก ส่วนว่าวแบบ Flat อีกรูปแบบหนึ่งก็คือทรง Arch top จากประเทศอังกฤษที่มีรูปทรงคล้ายเพชรแต่ด้านหัวของว่าวจะเป็นทรงมนครึ่งวงกลมแทน

วิธีการทำว่าวแบบ Flat อย่างง่าย ๆ

  1. สร้างกรอบว่าว

ก่อนอื่นเราต้องสร้างกรอบว่าวด้วยไม้ที่มีความยาว 20 ซม. และไม้ที่มีความยาว 61 ซม. มาไขว้กันเป็นรูปตัว T พิมพ์เล็ก แต่หากอยากได้ว่าวที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ ก็สามารถเลือกไม้ที่มีความยาวมากขึ้นได้ โดยไม้ด้านสั้นจะต้องสั้นกว่าด้านยาวประมาณ 10 ซม. เพื่อให้กรอบว่าวออกมาสมดุล จากนั้นก็ทำให้ไม้ทั้ง 2 แท่งยึดติดกันด้วยการใช้กาวหรือผูกเชือก และบากมุมของไม้ทั้ง 4 ด้านให้มีร่องสำหรับมัดเชือกเพื่อล้อมกรอบว่าวให้เป็นรูปเพชร (ไม้ 1 ด้านจะถูกบาก 2 รอย ที่ด้านบนและด้านล่างของไม้)

  1. วัดและตัดกระดาษว่าว

เราสามารถใช้วัสดุมากมายที่มีน้ำหนักเบามาทำเป็นกระดาษว่าวได้ เช่น กระดาษสาหรือพลาสติกที่มีมีความกว้างขนาด 100 ซม. เราจะทำการวัดกระดาษหรือพลาสติกสำหรับทำว่าวด้วยการวางว่าวที่เราทำกรอบเอาไว้แล้วบนกระดาษหรือพลาสติกดังกล่าว และใช้ไม้บรรทัดกับปากกา วาดลงบนกะดาษตามกรอบว่าว ก่อนจะใช้กรรไกรตัดให้เลยออกมาจากกรอบที่เราวาดไว้ประมาณ 5.1 ซม. เพื่อให้เรามีกระดาษหรือพลาสติกเหลือในการห่อรอบกรอบว่าว

  1. ประกอบว่าว

วางกรอบว่าวลงบนกลางกระดาษ ก่อนจะค่อย ๆ ห่อกระดาษหรือพลาสติกว่าวเข้ามาครอบกรอบว่าวและใช้กาวหรือเทปกาวยึดให้กระดาษติดกัน

  1. ติดสายป่านว่าว

เจาะด้านหน้าของว่าว ตรงที่แท่งไม้ไขว้กัน เพื่อใส่สายป่านว่าวลอดเข้าไปผูกติดกับกรอบว่าวด้านหลัง  ทำให้สายป่านว่าวติดกับตัวว่ายได้ดีขึ้น หรือจะเพิ่มสายป่านว่าวผูกกับด้านมุมขวา มุมซ้ายและด้านบนของว่าวในแนวตั้ง จากนั้นก็นำสายทั้ง 4 สายมามัดรวมกันตรงกลางโดยเว้นระยะห่างออกมาจากตัวว่าวนิดหน่อย เพื่อทำให้ว่าวทรงตัวได้ดีขึ้นบนสายลมด้วยก็ได้

นอกจากนั้น เรายังสามารถติดหางโบว์ให้ว่าวแบบ Flat ของเราดูสมบูรณ์แบบมากขึ้นได้อีกด้วย โดยการใช้ผ้าที่มีความเบายาว 1 เส้น และผ้าสั้น ๆ สำหรับผูกโบว์ตามผ้ายาว จากนั้นก็ติดผ้ายาวเข้าไปที่ด้านล่างของว่าว เพียงแค่นี้ว่าวของเราก็จะน่ารักขึ้นมาแล้ว ทำง่ายขนาดนี้ อย่าลืมลองชวนเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัวมาทำว่าวไปเล่นกันในวันหยุดนี้นะ รับรองว่าสนุกแน่นอน

post

พื้นฐานของการออกแบบว่าวแบบสากล

แม้ว่าว่าวแบบสามเหลี่ยมอันแสนคลาสสิคยังเป็นที่นิยมอยู่ แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันก็ทำให้มีว่าวมากมายหลากหลายรูปแบบที่ออกแบบมาสำหรับวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป เช่น ว่าวที่มีรูปทรงเหมือนกล่อง ว่าวรูปทรงกระบอก ว่าวรูปปลาหมึก ว่าวพาราฟอล์ย หรือว่าวรูปเรือ เป็นต้น เรียกได้ว่าทุกสิ่งที่เราเคยเห็นสามารถนำมาออกแบบเป็นว่าวได้ทั้งหมด สาเหตุที่มีรูปแบบว่าวมากขนาดนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อแค่สร้างความบันเทิงอย่างเดียว แต่ว่าวยังสามารถถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการแข่งขันกีฬาอีกด้วย เรียกได้ว่าว่าวที่เต็มไปด้วยสีสันและรูปทรงอันเต็มไปด้วยจินตนาการก็ช่วยทำให้ว่าวสามารถเอาชนะคู่แข่งและทำผู้ชมเพลิดเพลินได้ในเวลาเดียวกัน มาดูกันดีกว่าว่าเราสามารถแบ่งประเภทพื้นฐานว่าวสากลได้อย่างไรบ้าง และว่าวแต่ละชนิดสามารถลอยขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร

  1. ว่าวสายเดี่ยว (Single Line Kites)

ว่าวสายเดี่ยวก็คือว่าวที่มีสายป่านว่าวเส้นเดียวผูกกับตัวว่าว สามารถลอยขึ้นไปบนอากาศได้ง่ายกว่าว่าวชนิดอื่น อีกทั้งยังทำไม่ยากและราคาไม่แพง ว่าวสายเดี่ยวนี้มีทั้งว่าวแบบแบนที่มีชั้นเดียว หรือว่าวที่ประกอบกันด้วยชั้นหลายชั้น ซึ่งอาจจะโยงด้วยสายป่านหลายสาย แต่สายป่านหลายสายนั้นจะต้องมารวมกันเป็นสายเดียวลงมาเสมอ (bridle point) ซึ่งจุดรวมกันของสายป่านว่าว (bridle point) นี้สามารถปรับขึ้นเพื่อให้ว่าวสามารถลอยได้ดีในวันที่มีลมเล็กน้อย หากมีลมแรงก็สามารถปรับลงมาเพื่อให้ว่าวสามารถควบคุมได้ง่ายขึ้น  ปัจจุบันมีการออกแบบลวดลายว่าวสายเดี่ยว (Single Line Kites) ออกมามากมาย ตั้งแต่ขนาดเล็ก ๆ ไปจนถึงขนาดใหญ่ถึง 3 เมตรเลยทีเดียว

  1. ว่าวสายคู่ (Dual Line Kites)

ว่าวสายคู่ (Dual Line Kites) ถูกออกแบบมาให้ผู้ควบคุมว่าวสามารถคุมการเคลื่อนไหวของว่าวบนอากาศได้ดียิ่งขึ้น ผู้เล่นจะต้องฝึกและเรียนรู้การควบคุมว่าวแบบสายป่านคู่นี้สักระยะหนึ่งก่อน เพราะมีความยากง่ายต่างกับว่าวแบบสายเดี่ยวอยู่เล็กน้อย หลัก ๆ แล้วผู้เล่นเพียงแค่ต้องจับสายป่านว่าวให้แน่นกว่าปกติเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องปรับขนาดสายอะไรให้วุ่นวายเพิ่มเติมอีก ส่วนมากว่าวแบบสายคู่มักจะใช้ในการประลองว่าวหรือการเล่นว่าวแบบผาดโผน เพราะว่าวแบบนี้จะสามารถเคลื่อนไหวได้ไวมาก บางครั้งสามารถแล่นไปได้เร็วกว่า 50 เมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว

  1. ว่าวสี่สาย (Quad Line Kites)

เช่นเดียวกับว่าวสายคู่ ว่าวสี่สาย (Quad Line Kites) ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้เล่นสามารถควบคุมว่าวของตัวเองได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยว่าวแบบนี้มักจะมีสายป่านว่าว 4 สาย แบ่งเป็นด้านขวา 2 สายและด้านซ้ายอีก 2 สาย และต้องใช้ด้ามจับหรือด้ามควบคุมเพื่อช่วยในการควบคุมว่าว โดย 2 สายแรกจะอยู่ด้านบนของว่าว ส่วนอีก 2 สายจะอยู่ด้านล่าง ในส่วนของด้านล่างจะเสมือนเป็นตัวเบรกของว่าว ทำให้ว่าวแล่นช้าลง

ข้อดีของว่าวแบบนี้คือสามารถควบคุมความเร็วของว่าวได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังทำให้ว่าวลงจอดได้ง่ายกว่าว่าวชนิดอื่น เหมาะกับการเล่นว่าวผาดโผนและการประลองว่าว